หุ้นไทยเช้านี้ลบ 11.23 จุด ตลาดโฟกัสผลประกอบการไตรมาส 2/68 จับตาภาษีไทย-สหรัฐก่อนถึงเส้นตาย

หุ้นไทยเช้านี้ลบ 11.23 จุด ตลาดโฟกัสผลประกอบการไตรมาส 2/68 จับตาภาษีไทย-สหรัฐก่อนถึงเส้นตาย

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้าลบ 11.23 จุด หรือ 0.90% หรือ มูลค่าการซื้อขาย 11,558.71 ล้านบาท โบรกเผยนักลงทุนให้ความสำคัญกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/68 เป็นหลัก โดยราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามผลประกอบการที่ประกาศออกมา เช่น BH ปรับขึ้น 4.9% จากงบดีกว่าคาด ส่วน SCC ปรับลง 2.4% จากงบพลาดเป้า

KEY

POINTS

  • ตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ 31 ก.ค. 2568 ปรับตัวลดลง 11.23 จุด หรือ 0.90% โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 11,558.71 ล้านบาท
  • นักลงทุนให้ความสำคัญกับการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/68 เป็นหลัก โดยราคาหุ้นเคลื่อนไหวตามผลประกอบการที่ประกาศออกมา เช่น BH ปรับขึ้น 4.9% จากงบดีกว่าคาด ส่วน SCC ปรับลง 2.4% จากงบพลาดเป้า
  • ตลาดกำลังจับตาการประกาศอัตราภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่มีต่อไทย ซึ่งจะประกาศผลก่อนเส้นตายในวันนี้ โดยนักวิเคราะห์คาดว่าหากตัวเลขสูงกว่า 25% อาจกดดันให้ดัชนีปรับตัวลงไปที่ระดับ 1,200 จุด
  • ปัจจัยการคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ถูกมองว่าส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อยถึงเป็นกลาง

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า  ณ 31 ก.ค. 2568 เวลา 10.15 น. ลบ 11.23 จุด หรือ 0.90%  มูลค่าการซื้อขาย 11,558.71 ล้านบาท

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ผลกระทบจากปัจจัยภายนอกจากการคงอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยน้อย เนื่องจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากในปัจจุบัน ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างไทยกับสหรัฐฯ มีผลกระทบน้อยลง ณ จุดนี้

หุ้นไทยเช้านี้ลบ 11.23 จุด ตลาดโฟกัสผลประกอบการไตรมาส 2/68 จับตาภาษีไทย-สหรัฐก่อนถึงเส้นตาย

ส่วนประเด็นภาษีนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในตลาด และคาดการณ์กันอยู่แล้วว่าจะมีการประกาศผลก่อนเส้นตายซึ่งก็คือวันนี้ ตลาดจะตอบสนองต่อประเด็นนี้ขึ้นอยู่กับอัตราภาษีที่ประกาศออกมาหากตัวเลขภาษีอยู่ในกรอบ 15%-20% หรือ ไม่เกิน 25% ตลาดไม่น่าจะปรับตัวลดลง แต่หากตัวเลขภาษี 25% ขึ้นไป อาจเห็นตลาดปรับตัวลงไปที่ระดับ 1,200 จุด ซึ่งน่าจะเอาอยู่ ณ ตอนนี้คาดว่าไทยจะได้เห็นข่าวดีเกี่ยวกับภาษีแล้ว เนื่องจากมีประกาศออกมาแล้วว่ามีการดำเนินการช้ากับไทย แต่ยังไม่ทราบตัวเลขเปอร์เซ็นต์ที่ชัดเจน
 

ส่วนการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)ที่คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เช่นกัน ถูกมองว่าเป็นกลางและไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทย 

"แนวโน้มของสกุลเงินเอเชียและการดำเนินนโยบายการเงินที่สอดคล้องกับเฟด คือการลดอัตราดอกเบี้ยช้า ๆ หรือค่อยๆ ลดลง โดยเอเชียหลายประเทศลดมาสักพักแล้ว ขณะที่ญี่ปุ่นซึ่งมีแนวโน้มขึ้น ต้องมีการหยุดพักบ้าง ดังนั้น หากผลออกมาตามที่คาดการณ์ไว้ ก็จะไม่มีผลต่อตลาดหุ้นไทย"

อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก โดยตลาดหุ้นวันนี้มีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นและลงตามผลประกอบการที่ประกาศออกมา BH ราคาหุ้นปรับขึ้น 4.9% เนื่องจากผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่ SCC ราคาหุ้นปรับลดลง 2.4% แม้จะมีการจ่ายเงินปันผล แต่ผลประกอบการพลาดเป้าไปเล็กน้อย ตลาดมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงของการประกาศงบการเงินเป็นสำคัญ

อย่างไรก็ตาม แนะนำให้นักลงทุนวันนี้ อาจจะเทรดดิ้งตามงบการเงินที่จะทยอยประกาศออกมาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลมีความน่าสนใจอย่าง PR9 ขณะที่ค้าปลีกแนะนำหุ้นที่ยังปรับขึ้นน้อยกว่ากลุ่มอื่น เช่น CPALL และ MOSHI
    
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ผลการประชุม FED เมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่า FED มีมติ(9 ต่อ 2) คงดอกเบี้ยนโยบายที่เดิมในกรอบ 4.25-4.50% โดยมุมมองของนายเจอโรม โพเวล ประเมินว่าภาพรวมตลาดแรงงานยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่เงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย โดยย้ำว่ายังไม่มีข้อสรุป เรื่องการลดดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. ซึ่งคงต้องติดตามตัวเลขเศรษฐกิจในระยะถัดไปอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ จากถ้อยแถลงของโพเวล ส่งผลให้มุมมองของตลาดให้โอกาสของการลดดอกเบี้ยปีนี้ลดลง โดยล่าสุดพบว่า โอกาสลดดอกเบี้ยสหรัฐฯในเดือน ก.ย., ต.ค. และ ธ.ค. เหลือเพียง 43%, 33%, 63% จากเดิมก่อนการประชุมที่ 68%, 47%, 68% ตามลำดับ ซึ่งสอดคล้องกับตลาดพันธบัตรที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯวานนี้ปรับขึ้นราว +5bps อาจเป็นจิตวิทยาเชิงลบระยะสั้นต่อแรงเก็งกำไรในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง

ส่วนความคืบหน้าของการเจรจาการค้าในประเทศสำคัญ พบว่าล่าสุด สหรัฐฯประกาศอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากอินเดียที่ระดับ 25% ขณะที่สินค้าจากเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับ 15% ส่วนไทยยังต้องลุ้นต่อไป

ด้าน SET ยังฟื้นตัวแข็งแกร่ง ทะลุแนวต้านสำคัญที่เส้นค่าเฉลี่ย EMA200 วันมาได้ โดยยังมีโอกาสแกว่งขึ้นต่อ ส่วนปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามในวันนี้คือ การประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น หรือ BOJ โดยคาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิม 0.5%    

สำหรับ หุ้นแนะนำวันนี้ BH รายงานกำไรไตรมาส 2/68 ที่ระดับ 1,857 ล้านบาท +7%q-q, -3.8%y-y ดีกว่าตลาดคาด 8.6% แม้รายได้ผู้ป่วยต่างชาติจะหดตัว -6.6%y-y และผู้ป่วยไทย -0.2%y-y แต่ EBITDA Margin ปรับขึ้นสู่ระดับ 41.6% จาก 40.7% ในช่วงไตรมาส 2/67 Valuation ยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดยปัจจุบันเทรดบริเวณ PE 18 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี ที่ระดับ 25 เท่า ราคาเป้าหมาย 190 บาท