หุ้น SCGD บวก 7.43% ไตรมาส 2/68 ผลงานดีกว่าคาด โบรกเผยมีดีล M&P ใหม่หนุนกำไรปีหน้า

หุ้น SCGD บวก 7.43% ไตรมาส 2/68 ผลงานดีกว่าคาด  โบรกเผยมีดีล M&P ใหม่หนุนกำไรปีหน้า

หุ้น SCGD หรือ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) บวก 7.43% เพิ่ม 0.30 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 4.34 บาท โบรกเผย ไตรมาส 2/68 ผลงานดีกว่าคาด มีดีล M&P ใหม่หนุนกำไรปีหน้า

KEY

POINTS

  • กำไรปกติไตรมาส 2/68 อยู่ที่ 283 ล้านบาท (+19% QoQ) ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยหลักจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ดีกว่าคาด แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 ไตรมาสที่ 28.3%
  • รายได้จากธุรกิจในไทยลดลงตามภาวะอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนตัว แต่ได้รับการชดเชยจากการเติบโตของตลาดเวียดนามที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยปริมาณขายเพิ่มขึ้นถึง 21% QoQ
  • อัตรากำไรที่ดีขึ้นเป็นผลมาจากการดำเนินกลยุทธ์ลดต้นทุนพลังงานผ่านการใช้โซลาร์เซลล์และเชื้อเพลิงชีวมวล รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย SG&A ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • นักวิเคราะห์คงคำแนะนำ "ซื้อ" โดยคาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และคาดว่าจะมีดีล M&P (การควบรวมและซื้อกิจการ) ใหม่เข้ามาช่วยหนุนกำไรในปีหน้า
  • บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับครึ่งปีแรกที่ 0.15 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 3.7% โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 8 ส.ค.

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 30 ก.ค.2568 เวลา 10.07 น. หุ้น SCGD หรือ บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) บวก 7.43% เพิ่ม 0.30 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 4.34 บาท  
 

หุ้น SCGD บวก 7.43% ไตรมาส 2/68 ผลงานดีกว่าคาด  โบรกเผยมีดีล M&P ใหม่หนุนกำไรปีหน้า

ณัฐกร ศรีภูไฟ นักวิเคราะห์ บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เปิดเผยว่า กำไรปกติไตรมาส 2/68 ของ SCGD ดีกว่าคาดจากอัตรากำไรที่ดีกว่าคาดกำไรสุทธิ 223 ล้านบาท +3%QoQ, -22%YoY ใกล้เคียงคาดที่ 224 ล้านบาท แต่หากไม่รวมค่าใช้จ่ายปรับโครงสร้างธุรกิจ -60 ล้านบาท กำไรปกติ 283 ล้านบาท  +19%QoQ, -1%YoY ดีกว่าคาดที่ 244 ล้านบาท 

โดยหลักจากอัตรากำไรที่ดีกว่าคาดประเด็นสำคัญคือ ภาพรวมตลาดกระเบื้องของไทยหดตัว -11%QoQ, -9%YoY ขณะที่ตลาดต่างประเทศปรับตัวในทิศทางบวก เวียดนามเติบโตสูง +20%QoQ มาระดับใกล้เคียง YoY และอินโดนีเซีย +9%QoQ, +7%YoY

ขณะที่รายได้ขาย 5.8 พันล้านบาท -3%QoQ, -12%YoY ลดลงจากธุรกิจในไทยเป็นหลักตามฤดูกาลและภาคอสังหาอ่อนตัวคือ กระเบื้อง -7%QoQ, สุขภัณฑ์ -10%QoQ แต่ถูกชดเชยบางส่วนด้วยตลาดเวียดนาม +14%QoQ ตามปริมาณขายเพิ่มขึ้น +21%QoQ ตามเศรษฐกิจและภาคอสังหาฯ ที่ฟื้นตัว

ส่วนกำไรขั้นต้น 1.6 พันล้านบาท +3%QoQ, -9%YoY GPM สูงถึง 28.3% สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส +176bps QoQ, +100bps YoY ตามต้นทุนพลังงานลดลงจากการติดตั้งโซล่าร์และใช้เชื้อเพลิงชีวมวล

ด้าน SG&A ทรงตัว QoQ, -11%YoY ตามการควบคุมค่าใช้จ่ายและการปรับโครงสร้างธุรกิจ ส่งผลให้ EBITDA +4%QoQ, -6%YoY EBITDA margin เพิ่มเป็น 14.5%ส่วน ดอกเบี้ยจ่าย -3%QoQ, -20%YoY ตามการลดเงินทุนหมุนเวียนและอัตราดอกเบี้ยตลาดลดลง

นอกจากนี้ ความคืบหน้าของกลยุทธ์ธุรกิจ SCGD ตั้งเป้าหมายลดต้นทุน เพิ่มกำไร 100 ล้านบาท ในปีนี้ผ่านโครงการลดต้นทุนพลังงาน 50 ล้านบาท Solarไบโอแมส การติดตั้ง HAG ซึ่งครึ่งปีแรกทำได้ 36 ล้านบาทต่อปี) รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง 20 ล้านบาท สัดส่วน HVA ครึ่งปีแรก เพิ่มจาก 34% เป็น 37% และการปรับโครงสร้างธุรกิจ และลด Working Capital 30 ล้านบาท SG&A -11%YoY, ดอกเบี้ยจ่าย -20%YoY

ทั้งนี้ คาดกำไรเพิ่มขึ้นอีกในครึ่งปีหลังภาพการฟื้นตัวของเวียดนามมีความชัดเจน คาดโมเมนตัมดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง ตามภาคอสังหาฯ ปรับตัวดีขึ้น SCGD ตั้งเป้าให้เวียดนามเป็นฐานส่งออกที่สำคัญ มีการเพิ่มกำลังผลิตกระเบื้องเกรซพอร์ซเลน ขณะที่ตลาดไทยคาดฟื้นตัวตามฤดูกาล คาดอัตรากำไรจะเพิ่มขึ้นตามการรับรู้ผลบวกเต็มที่ของโครงการลดต้นทุนเราคาดกำไรครึ่งปีหลังจะเพิ่มขึ้นอีก HoH และเติบโตสูงมาก YoY จากฐานต่ำปีที่แล้ว   

ทั้งนี้ กำไรช่วงครึ่งปีแรก คิดเป็น 44% ของประมาณการกำไรทั้งปีขณะที่กำไรปกติคิดเป็น 52% คำแนะนำ “ซื้อ”  จากกำไรปกติที่ดีกว่าคาด และคาดเติบโตต่อเนื่องตามกลยุทธ์ลดต้นทุน รวมถึงคาดมีดีล M&P ใหม่ซึ่งจะหนุนกำไรปีหน้า Valuations ถูกมาก P/B เพียง 0.3xP/E 7xSCGD ประกาศจ่ายเงินปันผลครึ่งปีแรก  0.15 บาท D/P 3.7% ขึ้น XD 8 ส.ค. เราคาดจ่ายทั้งปี 0.21 บ. D/P5.2%

ด้าน บริษัท เอสซีจี เดคคอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGD รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 222.56 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 22 จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 283.90 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้อยู่ที่ 5,770 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 12 จากช่วงเดียวกันปีก่อน

ไตรมาสนี้ปริมาณขายวัสดุตกแต่งพื้นผิวเพิ่มสูงขึ้นจากไตรมาสก่อน เพิ่มจาก 31 ล้านตารางเมตร เป็น 31.7 ล้านตารางเมตร จากปริมาณขายในประเทศเวียดนามเพิ่มขึ้นจาก 10.5 ล้านตารางเมตร เป็น 12.7 ล้านตารางเมตร ตามเศรษฐกจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ทีฟื้นตัว ส่วนอัตรากำไรขั้นต้น และ EBITDA on sales สูงสุดในรอบ 5 ไตรมาส อยู่ที่ร้อยละ 28.3 และร้อยละ 15.2

โดยบริษัทได้รับผลกระทบจากการแปลงสกุลต่างประเทศที่มีธุรกิจอยู่ (ประเทศเวียดนาม ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย) เป็นเงินบาท ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบจากการปรับโครงสร้างธุรกิจ (Non-Recurring) และค่าเงินบาทที่แข็งค่า ซึ่งสะท้อนถึงประกอบการที่แท้จริงในธุรกิจประเทศนั้นๆ กำไรส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นและ EBITDA จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 และร้อยละ 2 ตามลำดับ