หุ้น PTTEP บวก 4.31% เผยกำไรไตรมาส 2/68 ดีกว่าคาด เตรียมจ่ายปันผล 4.10 บาท

หุ้น PTTEP บวก 4.31% เพิ่มขึ้น 5.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 121.00 บาท เผยกำไรไตรมาส 2/68 ดีกว่าคาด เตรียมจ่ายปันผล 4.10 บาท โบรกแนะนำให้ซื้อขายเล่นรอบตามแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้นเป็นหลัก คาดผลตอบแทนเงินปันผลสูงอยู่ราว 6.0% ต่อปี
KEY
POINTS
- ราคาหุ้น PTTEP ณ วันที่ 29 ก.ค. 68 (เวลา 10.35 น.) ปรับตัวขึ้น 4.31% หรือเพิ่มขึ้น 5.00 บาท มาอยู่ที่ระดับ 121.00 บาท
- บริษัทประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 13,515 ล้านบาท แม้จะหดตัว 18% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ส่งผลให้กำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 2568 อยู่ที่ 30,067 ล้านบาท
- คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปี 2568 ในอัตรา 4.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม 2568
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 29 ก.ค.2568 เวลา 10.35 น. หุ้น PTTEP หรือ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) บวก 4.31% เพิ่มขึ้น 5.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 121.00 บาท
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า งบไตรมาส 2/68 หุ้น PTTEP มีกำไรสุทธิ 13,515 ล้าน หดตัว -18% q-q แม้ปริมาณขายเพิ่ม แต่ราคาขายเฉลี่ยลดลง และต้นทุนเพิ่มขึ้น จากปริมาณขาย อยู่ที่ 505 KBOED เพิ่มขึ้น +4% q-q หลังโครงการ G2 และ G2 การหยุดซ่อมน้อยลง และการขายน้ำมันเพิ่มขึ้นแหล่งโอมาน และแอลจีเรีย
ขณะที่ ราคาขายแก๊ส คาดลดลงเหลือ 5.8 เหรียญ/ MMBTU ตามราคาน้ำมันลดลง และไตรมาสนี้สัดส่วนการขาย liquid เพิ่มขึ้นเป็น 29% จากสัดส่วนการขายตะวันออกกลาง และแอฟริกาเพิ่มขึ้น โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 44.01 เหรียญ/ BOE จาก 45.74 เหรียญ/ BOE
ด้านต้นทุนการผลิต เพิ่มขึ้น q-q เป็น 31.10 เหรียญ/ บาร์เรล จากค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้นหลังการผลิตในโครงการ G1 และ G2 เพิ่มขึ้น ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม ลดลง q-q โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม (Seagreen) ในสก็อตแลนด์จากปัจจัยนอกฤดูกาล อีกทั้งการได้มาซึ่งโครงการสินภูฮ่อมเพิ่มทำให้รับรู้เป็นงบการเงินรวมจากเดิมรับรู้เฉพาะส่วนแบ่งกำไร
นอกจากนี้ รายการพิเศษสุทธิ ที่ -18 ล้านเหรียญ กำไรจากการป้องกันความเสี่ยง และกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนและอื่น ๆ +21 ล้านเหรียญ แต่มีขาดทุนจากโครงการในเม็กซิโกที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงด้านการลงทุนจึงหยุดไปและทำให้มีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้น -39 ล้านเหรียญ
“ครึ่งปีหลัง แม้ปัจจัยบวกจะมาจากปริมาณขายเพิ่ม และต้นทุนการผลิตที่ลดลง แต่แนวโน้มราคาน้ำมันที่ลดลง รวมถึงการปรับราคาขายรอบใหญ่ซึ่งอาจทำให้แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังไม่เด่นมากนัก อย่างไรก็ตาม จากกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งทำให้ยังมีศักยภาพการจ่ายเงินปันผลที่ดี คาดผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ราว 6.0% ต่อปี กลยุทธ์การลงทุน ยังคงแนะนำให้ซื้อขายเล่นรอบตามแนวโน้มราคาน้ำมันขาขึ้นเป็นหลัก ”
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เปิดเผยผลการดำเนินงานในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2568 ว่าบริษัทมีความก้าวหน้า ในการขยายธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม โดยชนะการประมูลแปลงสัมปทานเร็กเกนเน่ ทู (Reggane II) ในประเทศแอลจีเรีย ร่วมกับบริษัท Eni Algeria Exploration B.V. และได้ลงนามในสัญญาแบ่งปันผลผลิตเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งสัญญาจะมีผลเสร็จสมบูรณ์เมื่อมีประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาลแอลจีเรีย ปตท.สผ. ถือสัดส่วนการลงทุนร้อยละ 34 โดยมีการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติแล้ว และยังมีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการสำรวจเพิ่มเติม อีกทั้ง แปลงเร็กเกนเน่ ทู ยังตั้งอยู่ใกล้โครงการแอลจีเรีย ทูอัท (Algeria Touat Project) ซึ่งเป็นโครงการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ ปตท.สผ. ได้ประกาศเข้าลงทุนไปก่อนหน้านี้ จึงสามารถสร้างความต่อเนื่องเชิงกลยุทธ์ในการพัฒนา และการบริหารจัดการแหล่งก๊าซธรรมชาติร่วมกันได้
สำหรับในภูมิภาคตะวันออกกลาง ปตท.สผ. ได้ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงขยายอายุสัญญาแบ่งปันผลผลิตในโครงการโอมาน แปลง 53 ไปจนถึงปี 2593 นอกจากนี้ ยังได้รับอนุมัติแผนพัฒนาโครงการและสัญญาสัมปทานผลิตปิโตรเลียมของโครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 จากหน่วยงานของรัฐอาบูดาบีในยูเออี หลังจากที่ประสบความสำเร็จในการค้นพบแหล่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งจะนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้าย (FID)
สำหรับผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรกของปี 2568 ปตท.สผ. มีรายได้รวม 148,531 ล้านบาท (เทียบเท่า 4,431 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (สรอ.)) มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 494,552 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากโครงการ G1/61 ที่เพิ่มอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติในเดือนมีนาคม 2567 และโครงการมาเลเซีย แปลงเค ที่มีการขายน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น รวมถึงการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในโครงการสินภูฮ่อมเมื่อเดือนเมษายน 2568 ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มาอยู่ที่ 44.85 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ และมีต้นทุนต่อหน่วย (Unit Cost) ที่ 30.9 ดอลลาร์ สรอ. ต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทมีกำไรสุทธิ 30,067 ล้านบาท (เทียบเท่า 895 ล้านดอลลาร์ สรอ.)
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม 2568 คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติเสนอจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล สำหรับผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรก ปี 2568 ที่ 4.10 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดวันให้สิทธิผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อรับสิทธิในการรับเงินปันผลวันที่ 13 สิงหาคม 2568 และจะจ่ายเงินปันผลในวันที่ 22 สิงหาคม 2568
นอกจากนี้ ในรอบครึ่งปีแรกของปี 2568 ปตท.สผ. ได้นำส่งรายได้ให้กับรัฐในรูปของภาษีเงินได้ ค่าภาคหลวง และส่วนแบ่งผลประโยชน์อื่น ๆ จำนวนกว่า 30,200 ล้านบาท เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาประเทศด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชุมชน การศึกษา และการวิจัยและพัฒนา เป็นต้น นอกจากนี้ รัฐยังได้รับส่วนแบ่งของผลผลิตปิโตรเลียมจากโครงการ G1/61 และ G2/61 ซึ่งอยู่ภายใต้สัญญาแบ่งปันผลผลิต (PSC) เป็นรายได้ทางตรงจากการผลิตปิโตรเลียมที่รัฐนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศอีกส่วนหนึ่งด้วย
ขณะที่ ในเดือนมิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา ปตท.สผ. ครบรอบการดำเนินงาน 40 ปี โดยบริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานภายใต้เจตนารมณ์ของรัฐในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ปัจจุบัน ปตท.สผ. ได้ขยายการดำเนินงานไปกว่า 50 โครงการ ใน 13 ประเทศทั่วโลก และยังคงเดินหน้าแสวงหาแหล่งพลังงานอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายหลักในการดำเนินงาน เพื่อรองรับความต้องการใช้พลังงานของคนไทยและประเทศไทย ภารกิจของ ปตท.สผ. จึงเปรียบเสมือน "พลังของพลัง" ที่ไม่เพียงมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ แต่ยังเป็นพลังให้ทุกคนก้าวไปสู่เป้าหมายของตนได้สำเร็จ







