เปิดโผ 5 ธีมหุ้นเด่น รับมือครึ่งปีหลัง ตลาดผันผวน

โบรกเผย 5 ธีมหุ้นเด่น แข็งแกร่งน่าลงทุนสำหรับไตรมาส 3/68 ไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้ เน้นกลยุทธ์ "Selective" หรือการเลือกหุ้นเป็นรายตัวจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รับมือครึ่งปีหลัง ตลาดผันผวน
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ในสถานการณ์ที่ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นมาอย่างร้อนแรงกว่า 100 จุด รับข่าวดีหลายประเด็น แต่ยังคงเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยการเมืองและการขาดปัจจัยบวกใหม่ๆ
อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดหุ้นได้ตอบรับข่าวดีในระดับหนึ่งแล้ว แต่การจะปรับขึ้นต่อเป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากมีประเด็นการเมือง เช่น การยุบสภาและปัญหาชายแดนต่างๆ เป็นปัจจัยกดดัน ขณะเดียวกัน หากสถานการณ์ภาษีไม่เป็นไปตามคาด ก็มีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับลงได้ ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดีเพื่อรับมือกับความผันผวน
ทั้งนี้ แนะนำ 5 ธีมหุ้นเด่นที่แข็งแกร่งและน่าลงทุนสำหรับไตรมาส 3/68 ไปจนถึงครึ่งปีหลังนี้ โดยเน้นกลยุทธ์ "Selective" หรือการเลือกหุ้นเป็นรายตัวจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
1.KTB จุดเด่นเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่มีผลประกอบการโดดเด่น โดยมีกำไรสุทธิกว่าหมื่นล้านบาท สามารถปล่อยสินเชื่อได้ดี และยังคงควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าจะมีรายการทางบัญชีเข้ามาช่วยหนุนงบการเงินให้ดียิ่งขึ้น
ทั้งนี้ KTB ทำกำไรสุทธิ 1.11 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 2/68 ซึ่งสูงกว่าประมาณการของเรา 13.2% และ สูงกว่า Bloomberg consensus 6.4% โดยสินเชื่อขยายตัว 4.4% yoy และ 0.4% qoq ในไตรมาส 2/68 NPL ของธนาคารลดลงเล็กน้อยจาก 3.57% ในไตรมาส 1/68 เป็น 3.54% ในไตรมาส 2/68 ส่วนยอด NPL ในไตรมาส ค่อนข้างทรงตัว qoq
2.PTTEP จุดเด่นเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงส์โดยตรงจากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันดิบ ซึ่งทุกๆ การปรับขึ้น 1 เหรียญสหรัฐฯ ของราคาน้ำมันดิบ จะส่งผลให้มูลค่าของ PTTEP เพิ่มขึ้น 1.3% อย่างไรก็ตาม ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนจากการปรับขึ้นของราคาหุ้นมากนัก แต่มีไว้เพื่อเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน หากตลาดหุ้นโดยรวมปรับตัวลง และเกิดสถานการณ์ที่ทำให้น้ำมันขึ้น เช่น สงคราม PTTEP จะช่วยพยุงพอร์ตได้
โดยเราคาดว่าราคาน้ำมันดิบจะอ่อนตัวในครึ่งปีหลังของปี 2568 แต่ราคาก๊าซของ PTTEP น่าจะทรงตัวที่ประมาณ 5.7 เหรียญสหรัฐ ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุน EPS
เราประมาณการว่าราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้นทุก 1 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จะทำให้ EPS ในปีนี้เพิ่มขึ้น 1.3%
3.GULF จุดเด่นเป็นหุ้นที่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งยิ่งลงทุนมากเท่าไหร่ ตลาดก็ยิ่งชื่นชอบมากเท่านั้น ทั้งนี้ ราคาหุ้นมีการปรับตัวขึ้นมาแล้ว จากแผนการลงทุนที่ชัดเจน ล่าสุด GULF เข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ Pak Lay Power Co., Ltd ซึ่งเราคาดว่าจะทำให้กำไรปกติเพิ่มขึ้น 2 พันล้านบาทตั้งแต่ปี 2033F เราคงประมาณการกำไรปกติในปี 2025-2027 เพราะโครงการ Pak Lay ยังต้องใช้เวลาอีก 7-8 ปีจึงจะเริ่มทำกำไรให้กับ GULF
4.MOSHI จุดเด่นคาดว่าจะมีผลประกอบการและยอดขายที่แข็งแกร่งกว่าบริษัทคู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกัน ซึ่งมองว่า MOSHI มีแนวโน้มที่ดีกว่า DOHOME, HMPRO และ CRC แม้ในฤดูฝนที่บางธุรกิจอาจไม่ดี แต่ MOSHI คาดว่าจะโดดเด่นกว่า โดยคาดว่า MOSHI จะทำกําไรสุทธิ 128 ล้านบาท +57%yoy, -18% qoq ในไตรมาส 2/68 จากการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมที่แข็งแกร่ง , GPM ที่เพิ่มขึ้นและ Operating leverage ที่ดีขึ้น ส่วนการท่องเที่ยวที่ซบเซามีผลกระทบต่อ MOSHI จำกัด และการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิมน่าจะยังแข็งแกร่งในไตรมาส 3/68
5.MINT จุดเด่นมีความแข็งแกร่งเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง AWC และ CENTEL เน้นธุรกิจต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปเป็นหลัก ซึ่งทำให้ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวในประเทศไทยน้อย ใช้กลยุทธ์แบบ "Asset-Light" ในการซื้อโรงแรม โดยใช้เงินลงทุนผ่านรูปแบบ Joint Venture (JV) ล่าสุดมีการขายหุ้นโรงแรม Minor Spain เพื่อลดต้นทุนและอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือ 75% ภายในสิ้นปีนี้ ทำให้โครงสร้างทางการเงินเบาลง โดยทำคำเสนอซื้อหุ้นที่ราคา 6.51 ยูโร/หุ้น เรามองเรื่องนี้ในเชิงบวก
"หุ้นทั้ง 5 ตัวนี้ถูกคัดเลือกมาจากปัจจัยพื้นฐานแบบ "Bottom-up" ซึ่งพิจารณาจากความแข็งแกร่งและโอกาสของแต่ละบริษัท โดยธีมการลงทุนในหุ้นดังกล่าวเหมาะสำหรับช่วงไตรมาส 3 และครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นช่วงระยะกลาง เพื่อให้นักลงทุนสามารถรับมือกับตลาดที่ยังคงมีความไม่แน่นอนได้"







