จับตาไทยเปิดตลาดนำเข้า ‘หมูสหรัฐ’ โบรกเกอร์คาดสะเทือน ‘หุ้นกลุ่มหมู-ไฟแนนซ์’ 

จับตาไทยเปิดตลาดนำเข้า ‘หมูสหรัฐ’ โบรกเกอร์คาดสะเทือน ‘หุ้นกลุ่มหมู-ไฟแนนซ์’ 

โบรกเกอร์ คาด หากไทยเปิดตลาดนำเข้าหมูจากสหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตหมูรายใหญ่อย่าง CPF, BTG และ TFG จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

KEY

POINTS

  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากไทยเปิดตลาดนำเข้าหมูจากสหรัฐ ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่า จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อหุ้นกลุ่มผู้ผลิตหมูรายใหญ่อย่าง CPF, BTG และ TFG จากการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น
  • ราคาหุ้นกลุ่มเนื้อสัตว์ได้ปรับตัวลดลงแล้ว สะท้อนว่าตลาดได้คาดการณ์ถึงผลกระทบเชิงลบในอนาคต แม้ว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2568 จะเป็นจุดสูงสุดของปีก็ตาม
  • การเปิดตลาดจะส่งผลกระทบทางอ้อมไปยังหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากรายได้ของเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายย่อยจะลดลง ซึ่งกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้
  • ผลกระทบต่อรายได้เกษตรกรอาจนำไปสู่การก่อหนี้เพิ่มขึ้น ท่ามกลางภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงอยู่แล้ว ซึ่งจะสร้างความเสี่ยงด้านคุณภาพสินทรัพย์ให้กับกลุ่มไฟแนนซ์ในอนาคต

การเจรจาการค้าระหว่าง “ไทย-สหรัฐ” กำลังเดินทางเข้าสู่จุดหัวเลี้ยวหัวต่อที่อาจกลายเป็นเกมเปลี่ยน สำหรับภาคเกษตรกรรมไทยอย่างแท้จริงหรือ โดยเฉพาะ “อุตสาหกรรมเนื้อหมู” ที่ถูกจับตามองจากทุกภาคส่วน ทั้งเกษตรกร ผู้ส่งออก และผู้บริโภค แม้การต่อรองให้ไทยเปิดตลาดเนื้อหมูนำเข้าจากสหรัฐยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ

โดย “นักวิเคราะห์” เห็นเป็นทางเดียวกันว่า หากการเปิดตลาดเกิดขึ้นจริง ไม่เพียงแค่กระทบรายได้เกษตรกรรายย่อยเท่านั้น แต่ยังโยงไปถึงหนี้สินครัวเรือน การจ้างงาน และคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทไฟแนนซ์ที่ปล่อยสินเชื่อ

“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า แม้ประเด็นการต่อรองนำเข้าเนื้อหมูยังไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่แนวโน้มราคาเนื้อสัตว์ในประเทศ โดยเฉพาะหมูได้เริ่ม “ลดลง” มาในระดับหนึ่งแล้วตั้งแต่ช่วงปลายไตรมาส 2 ปี 2568 สอดคล้องกับราคาเนื้อสัตว์ในตลาดโลกที่ค่อยๆ ถอยลงมา

สำหรับผลประกอบการหุ้นเนื้อสัตว์ไตรมาส 2 ปี 2568 ทำจุดสูงสุดของปี ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นของกลุ่มเนื้อสัตว์ ไม่ว่าจะเป็น CPF , BTG , TFG ได้ปรับตัวลดลงมาแล้ว แม้ว่าผลกำไรในไตรมาส 2 ปี 2568 คาดเป็น “จุดสูงสุด” ของปี สะท้อนว่าตลาดได้รับรู้ถึงผลกระทบ “เชิงลบ” ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตแล้ว และหากมีการนำเข้าจริง ก็จะยิ่งเป็นแรงกดดันเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปี 2568 ส่วนผลกระทบทางอ้อม และเศรษฐกิจโดยรวม จากการเจรจาหากมีการต่อรองกลุ่มสินค้าเกษตร เช่น เนื้อสัตว์ การขนส่ง เช่น เครื่องบิน ซึ่งเป็นจุดที่น่าจะได้รับแรงกดดันอย่างหนัก

“พิริยพล คงวาณิช” ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐานสายงานวิจัย บล.บัวหลวง ให้ข้อมูลว่า หมูจากสหรัฐมีต้นทุนที่ถูกกว่ามาก หากมีการนำเข้ามาจะทำให้ตลาดมีการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น และส่งผลกระทบอย่างมากต่ออุตสาหกรรมหมูในประเทศไทย โดยบริษัทที่ทำธุรกิจหมูเป็นหลัก ได้แก่ CPF BTG และ TFG จะได้รับผลกระทบมากที่สุด

“แม้ว่าไทยได้ยื่นข้อเสนอทางการค้าที่ครอบคลุมสินค้าจากสหรัฐถึง 90% แล้ว แต่ยังไม่รวมหมู ซึ่งสะท้อนไทยพยายามปกป้องอุตสาหกรรมนี้ แต่ยังต้องติดตามความชัดเจนว่าจะมีการรวมหมูเข้าไปด้วยหรือไม่ หรืออาจมีการกำหนดโควตาการนำเข้าหรือไม่”

แม้ภาคเกษตรจะมีสัดส่วนใน GDP ไม่สูงนัก แต่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อการจ้างงานของประเทศ โดยเฉพาะในเศรษฐกิจฐานราก หากภาคเกษตรได้รับผลกระทบ จะส่งผลต่อรายได้ และความสามารถในการชำระหนี้ของเกษตรกร โดยกลุ่มธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคเกษตร และต่างจังหวัด เช่น กลุ่มไฟแนนซ์ ที่ให้บริการสินเชื่อ อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากปัญหาด้านรายได้ของเกษตรกร

“กรรณ์ หทัยศรัทธา” หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลว่า ด้านต้นทุนของหมูสหรัฐมีความได้เปรียบหมูไทยอย่างชัดเจน โดยต้นทุนของหมูสหรัฐรวมถึงค่าขนส่ง และค่าประกันภัยมาถึงไทยอยู่ที่ประมาณ 200 ต้นๆ บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่หมูไทยมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 200 กว่าบาทต่อกิโลกรัม ทำให้หมูสหรัฐ สามารถแข่งขันในตลาดได้ดีกว่าหากมีการนำเข้าอย่างเสรี

หากมีการนำเข้าจริงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารขนาดใหญ่อาจไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ มีสายป่านยาวและสามารถบริหารจัดการได้ ผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มนี้คาดจะอยู่ในระดับกลางๆ ส่วนเกษตรกร และผู้เลี้ยงหมูรายย่อยกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบอย่างมาก หากมีการนำเข้าหมูจากสหรัฐ เพราะสายป่านของเกษตรกรไม่ยาวเท่าบริษัทใหญ่

ขณะที่ผลกระทบต่อการจ้างงานจะรุนแรง หากแรงงานได้รับผลกระทบด้านรายได้ อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังกลุ่มไฟแนนซ์ เนื่องจากรายได้ที่ลดลงอาจทำให้เกษตรกร และแรงงานต้องก่อหนี้เพิ่มขึ้น ขณะที่หนี้ครัวเรือนในปัจจุบันอยู่ระดับสูงอยู่แล้ว การสร้างหนี้เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์กลุ่มไฟแนนซ์ในอนาคต อาจจะยังคงต้องรอเฝ้าติดตามถึงความชัดเจนทีมไทยแลนด์ในการเจรจา 1 ส.ค.2568 นี้

ทั้งนี้ มองมีความเป็นไปได้ที่ไทยอาจเลือกเปิดตลาดสำหรับเนื้อวัว แทนเนื้อหมู เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่บริโภคเนื้อวัวในไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มพรีเมียมเฉพาะกลุ่ม ขณะที่เนื้อหมูเป็นอาหารที่คนไทยทุกระดับบริโภคกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะมีการตัดสินใจอย่างไรภายในเดดไลน์ที่กำหนด หรืออาจจะเห็นความชัดเจนในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้

จับตาไทยเปิดตลาดนำเข้า ‘หมูสหรัฐ’ โบรกเกอร์คาดสะเทือน ‘หุ้นกลุ่มหมู-ไฟแนนซ์’ 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์