แรงปะทะชายแดนต่อบจ. ไทยจำกัดรายหุ้น กระทบรายได้บจ.ไทยสูงสุดแค่ 13-14 %

แรงปะทะชายแดนต่อบจ. ไทยจำกัดรายหุ้น   กระทบรายได้บจ.ไทยสูงสุดแค่ 13-14 %

บล.เมย์แบงก์ การปะทะชายแดนไทย-กัมพูชามองกระทบบรรยากาศลงทุนมากกว่าพื้นฐานธุรกิจ จากมูลค่าส่งออกกัมพูชา 3.2 แสนล้านหรือ 3 % GDP ไทย ส่วนบจ.กระทบรายหุ้นและสัดส่วนรายได้น้อยมากสุด CBG 13-14 % แต่ส่งออกสินค้าไร้ผลกระทบ

       บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ประเมิน ชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะหนัก แต่คาดกระทบเศรษฐกิจจำกัดสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชายังคงทวีความรุนแรงขึ้นจนนำไปสู่การปะทะทางทหารระหว่างทั้งสองฝ่ายพร้อมกับการลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตและการปิดด่านชายแดนบางส่วนซึ่งสะท้อนถึงแนวโน้มสถานการณ์ที่อาจยืดเยื้อและส่งผลลบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในมิติของการค้า

        อย่างไรก็ตามหากพิจารณาในแง่ของผลกระทบต่อภาคการส่งออกของไทยไปยังกัมพูชาซึ่งในปี 2567 มีมูลค่ารวม 3.23 แสนล้านบาทหรือคิดเป็นสัดส่วนเพียง 3% ของมูลค่าการส่งออกรวมของไทยยังคงประเมินได้ว่าผลกระทบต่อภาคส่งออกและเศรษฐกิจโดยรวมของไทยยังอยู่ในระดับจำกัด

        บริษัทที่มีรายได้จากกัมพูชาส่วนใหญ่สัดส่วนรายได้ไม่มากด้านผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนประเมินว่าอาจกระทบโดยตรงต่อบริษัทที่มีรายได้จากกัมพูชาโดยเฉพาะ CBG ซึ่งมีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาราว 13–14%  ของรายได้รวมอย่างไรก็ตามบริษัทระบุว่าการขนส่งทางเรือยังคงดำเนินได้ตามปกติและยังไม่พบกระแสต่อต้านสินค้าไทยจากผู้บริโภคกัมพูชาสำหรับกลุ่มอื่นๆที่มีสัดส่วนรายได้จากกัมพูชาน้อยคาดว่าผลกระทบจะอยู่ในเชิงSentiment มากกว่าเช่น

            แรงปะทะชายแดนต่อบจ. ไทยจำกัดรายหุ้น   กระทบรายได้บจ.ไทยสูงสุดแค่ 13-14 %

  • กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม :ICHI มีสัดส่วน2–3%, OSP ไม่ถึง5%
  • กลุ่มพลังงาน:PTT ขายผลิตภัณฑ์คิดเป็น 0.5% ของรายได้รวม, OR 2.5%
  • กลุ่มโรงพยาบาล:BDMS และBH มีรายได้จากผู้ป่วยกัมพูชา 3%, BCH 1.7%, CHG 1%, PR9 1%
  • กลุ่มค้าปลีก:GLOBAL 2%, ขณะที่ CPALL, CPAXT, BJC มีสัดส่วนต่ำกว่า1% (ยอดขายสาขาตามแนวชายแดนอาจได้รับผลกระทบบ้างแต่ไม่มีนัยสำคัญ)
  • กลุ่มท่องเที่ยว:นักท่องเที่ยวจากกัมพูชามีสัดส่วนเพียง1.6% ของนักท่องเที่ยวรวมและมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ปี2566
  • กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง:มีการใช้แรงงานกัมพูชาค่อนข้างน้อยจึงประเมินว่าผลกระทบยังไม่มีนัยสำคัญ

        กลยุทธ์การลงทุนประเมินว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาส่งผลกระทบจำกัดต่อกำไรบริษัทจดทะเบียนโดยรวม แม้จะมีแรงกดดันเชิง Sentiment ต่อตัวหุ้นบางกลุ่มที่มีรายได้จากกัมพูชา ดังนั้น หากราคาหุ้นปรับลดลงเกินกว่าสัดส่วนรายได้ที่ได้รับจากกัมพูชาจึงมองเป็นโอกาสสำหรับการทยอยสะสมในเชิงกลยุทธ์ได้

       ขณะที่ในมุมมองการลงทุน ยังคงเน้น Theme การเก็งกำไรในหุ้นที่คาดว่ากำไร 2Q68จะออกมาดี และราคาหุ้นตั้งแต่ต้นปีอยู่ในกลุ่ม Laggard โดยชอบ CHG, OSP, SCGPและCKP