ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา CBG กระทบหนักแค่ไหน? หลังมีแผนลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชา

ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา CBG กระทบหนักแค่ไหน? หลังมีแผนลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชา

บล.เอเซีย พลัส เผย CBG คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาเป็นตลาดส่งออกเครื่องดื่มชูกำลังหลักของบริษัทยอดขายจากประเทศกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมดของ CBG

KEY

POINTS

  • CBG คาดว่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบจากข้อพิพาทไทย-กัมพูชา เนื่องจากกัมพูชาเป็นตลาดส่งออกเครื่องดื่มชูกำลังหลักของบริษัท
  • ยอดขายจากประเทศกัมพูชาคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมดของ CBG
  • ความขัดแย้งอาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบกิจการร่วมค้า (JV) ซึ่งมีกำหนดจะเริ่มผลิตในต้นปี 2569

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หลังจากความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความบานปลายในหลายพื้นที่ตะเข็บชายแดนโดยเฉพาะบริเวณชายแดนช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี จึงทำให้รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการตอบโต้ดังนี้

• ขับไล่เอกอัครราชทูตกัมพูชาออกจากประเทศไทย
• เรียกเอกอัครราชทูตไทยกลับจากพนมเปญ
• สั่งปิดจุดผ่านแดน 4 แห่ง ได้แก่ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู
• ปิดการเข้าชมปราสาท 3 แห่ง ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม, ตาเมือนโต๊ด และปราสาทตาควาย

ซึ่งสถานการณ์นี้กำลังถูกจับตามองจากสื่อระหว่างประเทศ และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศในระยะยาวและสร้างปัจจัยเสี่ยงเพิ่ม DOWNSIDE GDP ไทย ในช่วง 2H68 เป็นต้นไป จากตัวเลข NET EXPORTS (การค้าระหว่างประเทศ) ที่มีสัดส่วนราว 5%ของ GDP โดยกัมพูชามีดุลการค้ากับไทยราว 8 พันล้านเหรียญฯ ณ ปี 2567 ไทยเกินดุลการค้ากับกัมพูชาเป็นอันดับ 2

โดยหากพิจารณา 10 สินค้าส่งออกมากสุดของไทยไปกัมพูชาได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ (ซึ่งส่วนใหญ่คือทองคำ) สัดส่วน 36.65% น้ำมันสำเร็จรูป 13.71% น้ำตาลทราย 5.13% เครื่องดื่ม 4.58% เคมีภัณฑ์ 2.55% เป็นต้น ซึ่งส่วนที่จะกระทบกับหุ้นในบริษัทจดทะเบียน น่าจะเป็นกลุ่มเครื่องดื่ม คาด CBG ได้รับผลกระทบด้านลบ เนื่องจากมี

ยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง จากต่างประเทศหลักมาจากประเทศกัมพูชา คิดเป็นสัดส่วนราว 37% ของยอดขายเครื่องดื่มชูกำลัง และ 21% ของยอดขายทั้งหมด นอกจากนี้ CBG ยังมีแผนเข้าไปลงทุนสร้างโรงงานในกัมพูชาในรูปแบบ JV ซึ่งตามแผนจะเริ่มผลิตได้ในต้นปี 2569 ส่วน OSP คาดได้รับผลกระทบน้อย เนื่องจากยอดขายในกัมพูชาคิดเป็นเพียง 1-2% ของยอดขายรวม