หุ้นอาหาร-สื่อสาร-ไฟแนนซ์ คาดกำไร Q2/68 โตเด่น สวนทางกลุ่มขนส่ง-อิเล็กฯ -ปิโตร กำไรวูบ

บล.เมย์แบงก์ ส่อง Q2/68 กำไรบจ.รวม 1.87 แสนล้านหดตัวทั้ง Q-Qและ Y-Y ยกกลุ่มกำไรเด่นหุ้นอาหาร CPF - BTG - TFG สื่อสาร ADVANC และไฟแนนซ์ TIDLOR - MTC-KTC ส่วนกำไรหดตัว หุ้นขนส่งนส่ง AOT-BA -AAV อิเล็กฯและปิโตร
บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) วิเคราะห์กำไรบริษัทจดทะเบียนใน SET Index (ไม่รวม PF&REIT) เฉพาะหุ้นที่มีคาดการณ์โดย Bloomberg Consensus งวด ไตรมาส 2 ปี 2568 คิดเป็น 69% ของ Market Cap ทำกำไรสุทธิรวม 1.87 แสนล้านบาทหดตัวเล็กน้อย -1%QoQ และ -1%YoY หากไม่รวมกำไรกลุ่มธนาคาร (SET ex Bank) กำไรสุทธิอยู่ที่ 1.21 แสนล้านบาทหดตัว -1%QoQ และ -4%YoY
กลุ่มเด่น- กลุ่มดับ สำหรับกำไรไตรมาส 2 ปี 2568 เติบโตได้ทั้ง QoQ และ YoYคือ กลุ่มอาหาร (จาก CPF - BTG - TFG ได้ประโยชน์ราคาหมูยืนระดับสูงและต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง) กลุ่ม ICT(จาก ADVANC ที่รายได้บริการเพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่าย SG&A ค่าเสื่อมฯ และต้นทุนทางการเงินที่ลดลง)
กลุ่มไฟแนนซ์ (TIDLOR - MTC-KTC จาก NII ที่เพิ่มขึ้นและคุณภาพสินทรัพย์ยังบริหารจัดการได้) และกลุ่มท่องเที่ยว(จาก MINT ที่เป็นช่วง High Season ยุโรป แต่กลุ่มโรงแรมไทย ERW CENTEL คาดกำไรหดตัว)
กลุ่มกำไรไตรมาส 2 ปี 2568 ฟื้นตัวเฉพาะ QoQ คือ กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (SCC จากธุรกิจหลักกำไรฟื้นตัว) กลุ่มบรรจุภัณฑ์ (SCGP จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและขาดทุนลดลงของ Fajar) และกลุ่มโรงกลั่น(TOP ฟื้นตัวตามทิศทางค่าการกลั่น)
กลุ่มกำไรไตรมาส 2 ปี 2568 ฟื้นตัวเฉพาะ YoY คือ กลุ่มค้าปลีก (จากกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค CPALL และกลุ่มมือถือ COM7) กลุ่มธนาคาร(จากกำไรจากเงินลงทุนและตั้งสำรองที่ลดลง) กลุ่มโรงพยาบาล (จาก BDMS และ PR9 ที่กำไรฟื้นตัวจากผู้ป่วยต่างชาติ)
ส่วนกลุ่มที่กำไรหดตัวทั้ง QoQ และ YoYคือ กลุ่มขนส่ง (จาก AOT-BA -AAV ตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่ชะลอลง) กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ (กดดันจากประสิทธิภาพการทำกำไรที่ลดลงจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า)กลุ่มปิโตรฯ (จาก PTTGC ขาดทุนสต๊อคน้ำมันรวม NRV และ Sprad ปิโตรฯที่ยังอยู่ระดับต่ำ)
กลยุทธ์เก็งงบไตรมาส 2 ปี 2568 หาหุ้นกำไรเติบโตดี สวนทางราคาหุ้นแม้กำไร ไตรมาส 2 ปี 2568 มีแนวโน้มหดตัวแต่ SET Index ตั้งแต่ต้นปีปรับลง -14% ซื้อขายบน PER68E ที่13.4 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10ปี -1.3 S.D. และ PBV 1.15x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง10ปีกว่า -2S.D. สะท้อนราคาหุ้นลงเกินปัจจัยพื้นฐานไปมากเชิงกลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่งบ ไตรมาส 2 ปี 2568 มีแนวโน้มเติบโตดีสวนทางราคาปรับลง
CHG (เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 2.20บาท) คาดกำไรไตรมาส 2 ปี2568 +21%YoY, +3% QoQ หนุนจากรายได้ที่เติบโตหลายแหล่งอาทิ ลูกค้าเงินสด, ลูกค้าต่างประเทศ และ ลูกค้าประกันสังคม ส่งผลให้เกิดการประหยัดต่อขนาด GPM +620 bps YoY, +10 bps QoQ
CKP(เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 3.70บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไรฟื้นตัว YoY และ QoQ จากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของเขื่อนในประเทศลาวตามการเปลี่ยนผ่านจากเอลนีโญในปีก่อนเป็นลานีญาในปีนี้
SCGP(เป้าหมายเชิงกลยุทธ์19.00บาท) Bloomberg Consensus คาดกำไรไตรมาส 2 ปี 2568 คาดฟื้นตัว QoQ หลังมีการปรับราคาขายในประเทศอินโดนีเซียขึ้น ส่งผลให้ Fajar มี EBITDA ฟื้นตัวแต่ปรับตัวลดลง YoY หลังอุปสงค์หลักของภูมิภาคอย่างจีน ชะลอตัวลง
OSP(เป้าหมายเชิงกลยุทธ์18.70บาท) คาดกำไรเติบโต YoY หนุนจาก GPM อยู่ในระดับสูง หักล้างปริมาณการขายจะปรับตัวลดลง ในขณะที่ QoQ ลดลงจากปัจจัยฤดูกาล






