หุ้น BTS พุ่ง 5.29% ขานรับค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เริ่มลงทะเบียน 25 ส.ค.นี้

หุ้น BTS พุ่ง 5.29% ขานรับค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เริ่มลงทะเบียน 25 ส.ค.นี้

หุ้น BTS ปรับเพิ่มขึ้น 5.29% เพิ่มขึ้น 0.18 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 3.58 บาท หลังรัฐบาลออกมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เริ่มลงทะเบียน 25 ส.ค.นี้

KEY

POINTS

  • หุ้น BTS ปรับตัวขึ้น 5.29% มาอยู่ที่ราคา 3.58 บาท ณ วันที่ 23 ก.ค. 2568
  • ราคาหุ้นได้รับปัจจัยหนุนจากนโยบายค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เนื่องจากรัฐบาลจะชดเชยส่วนต่างค่าโดยสารให้ผู้ประกอบการ ทำให้ BTS ไม่เสียประโยชน์ทางการเงิน
  • นักวิเคราะห์มองว่าการปรับขึ้นนี้เป็นปัจจัยบวกเชิงความรู้สึก (sentiment) แต่ยังคงแนะนำ "ถือ" เนื่องจากพื้นฐานของบริษัทยังมีปัจจัยกดดันจากผลขาดทุนของรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสีชมพู
  • ประชาชนสามารถเริ่มลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิ์ในโครงการนี้ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ส.ค.นี้

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 23 ก.ค.2568 เวลา 11.00 น.หุ้น BTS บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ปรับเพิ่มขึ้น 5.29% เพิ่มขึ้น 0.18 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 3.58 บาท 

หุ้น BTS พุ่ง 5.29% ขานรับค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสาย เริ่มลงทะเบียน 25 ส.ค.นี้

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ราคาหุ้นBTS ได้พุ่งขึ้นมาในวันนี้ได้รับปัจจัยหนุนจากมาตรการค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย แม้ว่าในช่วงแรกมีความกังวลว่าโครงการดังกล่าวอาจล่าช้าออกไปจากประเด็นทางการเมืองหรือการเปลี่ยนแปลงของรัฐบาล แต่ในความเป็นจริงแล้วโครงการนี้ไม่ได้ล่าช้าอย่างที่คิด และที่สำคัญโครงการดังกล่าวจะ ไม่ทำให้ผู้ประกอบการอย่าง BTS และ BM เสียประโยชน์

"มาตรการค่าโดยสาร 20 บาทตลอดสายนี้ รัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนส่วนต่างค่าโดยสารให้กับผู้ประกอบการ โดยปกติแล้วการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือ MRT ในระยะทางไกลจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่า 20 บาท แต่รัฐบาลได้กำหนดเพดานค่าโดยสารไว้ที่ 20 บาท และจะคืนเงินส่วนต่างให้กับผู้ประกอบการ มองว่าเป็นเพียงเซนติเมนต์ปัจจัยด้านความรู้สึกของตลาดที่เข้ามากระตุ้นราคาหุ้น"

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นตอบรับข่าวเชิงบวก แต่ในเชิงพื้นฐานแล้ว BTS ยังคงมีผลขาดทุนจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพู ซึ่งยังคงเป็นตัวฉุดกำไรของบริษัท รวมถึงการลงทุนในบริษัทลูกอื่น ๆ เช่น VGI ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ถ่วงกำไรอยู่เช่นกัน

ดังนั้น การปรับขึ้นของราคาหุ้นในวันนี้ราคาหุ้นปรับขึ้นมา 5% ควรพิจารณาทำกำไร และยังคงให้คำแนะนำว่าถือ หุ้น BTS เนื่องจากประเด็นเชิงพื้นฐานจากการลงทุนอื่น ๆ ที่ BTS มีอยู่ รวมถึงการถือหุ้นในรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและสายสีชมพูยังคงเป็นปัจจัยกดดัน

สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้กระทรวงฯ เตรียมความพร้อมผลักดันนโยบาย “รถไฟฟ้า 20 บาท” โดยจะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรับสิทธิมาตรการดังกล่าวผ่านแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” ในวันที่ 25 ส.ค. 2568 เป็นต้นไป ซึ่งมั่นใจว่าการลงทะเบียนดังกล่าว ระบบจะไม่ล่ม เนื่องจากจะใช้รูปแบบคล้ายกับการเปิดให้ลงทะเบียนนโยบาย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ที่มีผู้ลงกว่า 18 ล้านคน แต่ระบบสามารถรองรับได้

อีกทั้ง ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการดังกล่าว สามารถทยอยลงทะเบียนรับสิทธิ ทุกคนได้สิทธิ์อย่างเท่าเทียม และการลงทะเบียนไม่มีวันหมดอายุ เพื่อรองรับการใช้นโยบายดังกล่าวที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2568 เป็นต้นไป ครอบคลุมโครงข่ายเส้นทางรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) และปริมณฑล จำนวน 8 สาย รวม 13 เส้นทาง ทั้งสิ้น 194 สถานี ระยะทางรวม 276.84 กิโลเมตร

ทั้งนี้ กระทรวงฯ ประเมินว่าเมื่อเปิดใช้มาตรการดังกล่าวแล้ว อัตราผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 20% เป็นประโยชน์ในการประหยัดงบประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากการประเมิน 3 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ประเมินจากการประหยัดค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ ด้านสังคม ประเมินจากค่าความสุข และการลดมูลค่าความสูญเสียเนื่องจากอุบัติเหตุ และด้านสิ่งแวดล้อม ประเมินจากการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

อย่างไรก็ดี ประชาชนที่สนใจรับสิทธิมาตรการดังกล่าว สามารถดาวน์โหลดแอพพลิเคชัน “ทางรัฐ” ได้ทั้งระบบ iOS และ Android โดยมีเงื่อนไขของการรับสิทธิกำหนดว่า จะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย ลงทะเบียนผ่านการระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก บัตรเครดิต บัตรเดบิต และบัตรโดยสาร (Rabbit Card ที่ลงทะเบียน) ที่จะใช้งานกับระบบรถไฟฟ้า ซึ่งบัตรที่ได้รับการยืนยันการลงทะเบียนจะได้สิทธิการใช้มาตรการโดยอัตโนมัติ หากไม่ลงทะเบียน จะต้องจ่ายค่าโดยสารในอัตราปกติ

ส่วนการใช้บริการมาตรการรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ในระยะแรก จะใช้รูปแบบบัตร Rabbit Card สามารถใช้บริการได้ 4 สาย คือ สายสีเขียว, สีทอง, เหลือง, ชมพู ขณะที่บัตร EMV Contactless (Visa/Mastercard) ตามเงื่อนไขธนาคารที่เข้าร่วมให้บริการที่กำหนด สามารถใช้บริการได้กับ 6 สาย คือ สายสีแดง, น้ำเงิน, ม่วง, ชมพู, เหลือง, แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (ARL)

ทั้งนี้ ในเบื้องต้น หากประชาชนผู้ใช้บริการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าข้ามสาย จะต้องถือบัตร 2 ใบ แต่ชำระค่าโดยสารเพียง 20 บาทตลอดสายเท่านั้น ส่วนในระยะต่อไปจะนำเทคโนโลยีที่มีความเหมาะสมเข้ามาใช้ในการพัฒนาระบบ อาทิ การสแกนจ่ายด้วย QR CODE สแกนจ่ายค่าโดยสาร เพื่อเพิ่มความสะดวกต่อการใช้งานมากขึ้น

สำหรับ มาตรการค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ถือเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล โดยพรรคเพื่อไทย และกระทรวงคมนาคม ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชน อีกทั้ง ยังเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะอย่างเท่าเทียม มีความปลอดภัย สะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังช่วยลดรถยนต์บนถนน ลดอุบัติเหตุ และมลพิษทางอากาศอย่างมีนัยสำคัญอีกด้วย