‘สิงคโปร์’ ทุ่มพันล้านดอลลาร์ หนุนตลาดหุ้น ผ่าน 3 ผู้จัดการกองทุนรายใหญ่

สิงคโปร์เดินหน้ายกระดับตลาดหุ้นครั้งใหญ่ อัดฉีดเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ให้ 3 ผู้จัดการสินทรัพย์ รวม JPMorgan หวังเพิ่มสภาพคล่องและดึงดูดนักลงทุน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า สิงคโปร์มีแผนจะจัดสรรเงิน 1.1 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ หรือราว 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับ 3 บริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่ ได้แก่ JP Morgan Asset Management, Avanda Investment Management และ Fullerton Fund Management เพื่อกระตุ้นสภาพคล่องและขยายฐานนักลงทุนในตลาดหุ้นท้องถิ่น
ธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ได้รับความสนใจจากบริษัทต่างๆ มากกว่า 100 แห่งที่ต้องการเข้าร่วมโครงการนี้ และมีแผนจะแต่งตั้งผู้จัดการกองทุนเพิ่มเติมภายในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี เพื่อบริหารจัดการเงินทุนส่วนที่เหลือ
อ้างอิง Bloomberg
นอกจากนี้ MAS จะจัดสรรเงินทุนจำนวน 50 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ เพื่อใช้ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการวิจัยหุ้นในประเทศ และส่งเสริมให้ตลาดผลิตภัณฑ์จดทะเบียน (listed product ecosystem) มีความคึกคักและเติบโตมากยิ่งขึ้น
การอัปเดตครั้งนี้ถือเป็นรายงานความคืบหน้าครั้งแรกในรอบหลายเดือนจากรัฐบาลสิงคโปร์ เพื่อแก้ไขปัญหาตลาดหุ้นในประเทศที่ผลประกอบการต่ำกว่าเกณฑ์ทั้งในด้านจำนวนหลักทรัพย์จดทะเบียนใหม่และปริมาณการซื้อขายเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาคอื่นๆ
ชี ฮอง ตัตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาแห่งชาติกล่าวว่า เมื่อเชิญผู้จัดการสินทรัพย์มาเสนอข้อเสนอ เราได้ชี้แจงให้ทุกคนทราบอย่างชัดเจนว่านี่ไม่ใช่แค่การอัดฉีดเงินทุนเข้าสู่ตลาดหุ้นสิงคโปร์เท่านั้น โดยสิงคโปร์กำลังพิจารณาอย่างจริงจังวิธีการพัฒนาอุตสาหกรรม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ของสิงคโปร์หดตัวลง และมีหุ้นถูกถอนออกจากตลาดน้อยกว่าหุ้นที่เข้าจดทะเบียนใหม่ ข้อมูลจากบลูมเบิร์กเผยว่าในปี 2567 มี IPO ทั้งหมด 4 รายการในสิงคโปร์และระดมทุนได้รวมประมาณ 34 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการระดมทุนที่ต่ำที่สุดเป็นอันดับ 2 ในรอบกว่าสองทศวรรษ
ตลาดหุ้นสิงคโปร์คึกคัก พร้อมรับนักลงทุน
โล บุน ไช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (Singapore Exchange Ltd.) กล่าวว่า "ขณะนี้ตลาดหุ้นของเรากำลังมีแรงผลักดันที่ดี ไม่ใช่แค่ในส่วนของดัชนีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงขั้นตอนการจดทะเบียนหลักทรัพย์ด้วย หากทุกฝ่ายในระบบนิเวศการลงทุนร่วมมือกัน เราจะสามารถดึงดูดกระแสเงินทุนที่แข็งแกร่งและยั่งยืนได้มากขึ้น"
นอกจากนี้ คณะทำงานเตรียมพิจารณามาตรการเพิ่มเติมเพื่อนักลงทุน ทั้งหาวิธีที่ทำให้ผู้ถือหุ้นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจได้มากขึ้น และลดขนาดล็อตขั้นต่ำในการซื้อขาย เพื่อให้นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงการลงทุนได้ง่ายขึ้น รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพการดูแลทรัพย์สินหลังการซื้อขาย







