BBL กำไร Q2/68 เหนือคาด โบรกเกอร์ชี้แรงหนุนลงทุน จับตาคุณภาพสินทรัพย์

BBL กำไร Q2/68 เหนือคาด โบรกเกอร์ชี้แรงหนุนลงทุน จับตาคุณภาพสินทรัพย์

โบรกเกอร์ประสานเสียง BBL กำไร Q2/68 พุ่ง 1.2 หมื่นล้าน สูงกว่าคาด 10–17% รับแรงหนุนเงินลงทุน แม้คุณภาพสินทรัพย์อ่อนตัว บล.บัวหลวง-บล.ไอร่า แนะซื้อ ชี้สำรองหนี้แกร่งสุด

นายพิริยพล คงวาณิช ผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์พื้นฐาน สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง เปิดเผยว่า  ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 /2568 ด้วยกำไรสุทธิเกือบ 12,000 ล้านบาท สูงกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ถึง 17% และสูงกว่าประมาณการของตลาด 7% โดยปัจจัยหลักมาจากกำไรจากการขายเงินลงทุนที่สูงกว่าคาด

เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสุทธิทรงตัว แม้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) จะปรับลดลง แต่สามารถชดเชยได้ด้วยกำไรจากการขายเงินลงทุนที่เพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า กำไรสุทธิลดลง 6% จากแรงกดดันของ NIM ที่ลดลงต่อเนื่อง และต้นทุนความเสี่ยงด้านเครดิต (credit cost) ที่ปรับตัวสูงขึ้น ผลประกอบการดังกล่าวสะท้อนถึงความสามารถในการบริหารพอร์ตการลงทุนของ BBL ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ท้าทาย

ทางด้านคุณภาพสินทรัพย์ที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 2/2568 โดยอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อสินเชื่อรวม (NPLs/loans ratio) ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3.2% ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 

ขณะที่อัตราส่วนการกันสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (loan-loss coverage ratio) ปรับลดลงมาอยู่ที่ 284% ณ สิ้นไตรมาส 2/2568 แม้ลดลงจากไตรมาสก่อน แต่ยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคาร

 

แนวโน้มBBLครึ่งปีหลัง 2568  

นายพิริยพล กล่าวว่า เราคาดว่าแนวโน้มอัตราส่วน NPLs จะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในครึ่งหลังปี 2568 จากแรงกดดันเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังเปราะบาง แต่ประเมินว่า แม้เศรษฐกิจมีแนวโน้มชะลอตัวในครึ่งปีหลัง ซึ่งอาจกดดันคุณภาพสินทรัพย์เพิ่มเติม แต่ BBL ได้ตั้งสำรองหนี้สูญไว้ในระดับสูง รองรับความเสี่ยงได้ดี 

ด้านทิศทางกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2568 ของ BBL มีแนวโน้มลดลงทั้งจากช่วงเดียวกันปีก่อน( YoY )และ( QoQ ) จาก NIM ที่อ่อนตัว และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง

แต่ BBL ยังคงโดดเด่นด้วย loan-loss coverage ratio ที่สูงที่สุดในกลุ่มธนาคาร และมี ราคาหุ้น(Valuation) ที่ต่ำที่สุดในกลุ่ม ซึ่งสะท้อนโอกาสการลงทุนระยะยาว

“ด้วยระดับสำรองที่แข็งแกร่ง และราคาหุ้นที่ยังต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าพื้นฐาน แนะนำ ซื้อ ให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 153 บาท มองว่าเป็นหนึ่งในหุ้นธนาคารที่มีความสามารถในการรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ดีที่สุดในกลุ่ม” 

นายประวิทย์ เจียวก๊ก  นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน บล.ไอร่า จํากัด (มหาชน) เปิดเผยว่า  BBL รายงานกำไรไตรมาส 2/2568 ที่ 11,840 ล้านบาท (EPS 6.20)หรือลดลง 6.17% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 0.28% จากช่วงเดียวกันปีก่อนมากกว่าที่ตลาดคาดไว้ประมาณ 10%

โดยหลักๆ มาจาก 1. NIM ปรับลดลงสู่ระดับ 2.81% จากไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 2.89% จากการปรับดอกเบี้ยเงินกู้ลงตามการปรับลดดอกเบี้ย

นโยบาย 2. Non-NII ลดลง 7.49% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 22.22% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มาจากรายการ FVTPL ที่ได้รับประโยชน์จากดอกเบี้ยที่ปรับลดลง และรายการกำไรจากเงินลงทุน และ 3. ECL ที่ระดับ 10,740 ล้านบาท จากไตรมาส 1/2568  อยู่ที่ 9,067 ล้านบาท จาก NPL ที่ปรับเพิ่มขึ้นข้างมากสู่ระดับ 3.2% จากระดับ 3.0% ในไตรมาส 1/2568 

ขณะที่ครึ่งปีแรก 2568 ของ BBL รายงานกำไรที่ 24,458 ล้านบาท (EPS 12.81) ขณะที่ครึ่งปีหลัง 2568 เราคาดว่า กำไรจะลดลงจากครึ่งปีแรก 2568 มาจากแรงกดดันจาก NIN ที่ปรับลดลง ทั้งจากดอกเบี้ยนโยบาย และโครงการคุณสู้เราช่วย และ ECL ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นจาก ครึ่งปีแรก 2567 จากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

ขณะเดียวกัน NPL ที่ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าคาด นายประวิทย์ กล่าวว่า  เรามองว่า ยังไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เนื่องจากยังอยู่ในระดับบริหารจัดการได้ แต่ด้านปัจจัยมหภาค เช่น ดอกเบี้ยนโยบาย และ ภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจากปัญหานโยบายภาษีของสหรัฐ ทำให้ BBL ได้รับผลกระทบมากกว่าแบงก์อื่น เนื่องจากมีลูกค้าที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกมากกว่าแบงก์อื่น

“ มองว่า  แม้กำไรไตรมาส 2/2568 ของ BBL ดีกว่าคาดมาก แต่ราคาหุ้นอาจจะไม่ได้ผลบวก จาก NPL เพิ่มมากกว่าคาด และความกังวลด้านปัจจัยมหภาคแต่ NPL ที่เพิ่มขึ้นยังไม่น่ากังวล อยู่ในระดับบริหารจัดการได้ เรายังคงแนะ ซื้อโดยให้ราคาเป้าหมายที่ 160 บาท” 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์