'เวียดนาม' วางแผนปฏิรูปตลาดหุ้น 4 ระยะ หวังผงาดสู่ 'ตลาดเกิดใหม่'

'เวียดนาม' เร่งปฏิรูปตลาดหุ้น เปิดแผน 4 ระยะ พร้อมเตรียมเปิดตัวกลไก CCP ดึงนักลงทุนต่างชาติ หวังผงาดสู่ 'ตลาดเกิดใหม่' คาดฟันด์โฟลว์ไหลเข้า 5 พันล้านดอลลาร์
เวียดนามเดินหน้าปฏิรูปตลาดการเงินเพื่อยกระดับสถานะเป็น “ตลาดเกิดใหม่” (Emerging Market) โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์แห่งรัฐเวียดนาม (State Securities Commission) เตรียมเปิดตัว “กลไกตัวกลางในการชำระราคา” (Central Counterparty Mechanism – CCP) อย่างเป็นทางการในช่วงต้นปี 2570 เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศให้มากขึ้น
ปัจจุบัน เวียดนามยังคงถูกจัดอยู่ในกลุ่ม "ตลาดชายขอบ" (Frontier Market) และอยู่ในรายชื่อกลุ่มที่เข้าข่ายพิจารณาปรับสถานะของผู้จัดทำดัชนีระดับโลกอย่าง FTSE Russell มาตั้งแต่ปี 2561 โดยสถานะตลาดชายขอบจำกัดการลงทุนจากกองทุน นักลงทุนสถาบัน และสำนักงานครอบครัว (Family Offices) ที่ต้องการลงทุนในบริษัทจดทะเบียน
ตามการประเมินของธนาคารโลกนั้น การปรับสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่อาจทำให้เวียดนามดึงดูดเม็ดเงินลงทุนได้มากถึง 5 พันล้านดอลลาร์เข้าสู่ตลาดการเงินได้อย่างรวดเร็ว
เปิดแผน 4 ระยะ เวียดนามเร่งเครื่องสู่ 'ตลาดเกิดใหม่'
รัฐบาลเวียดนามได้กำหนดแผนงาน 4 ระยะที่จะดำเนินไปจนถึงปี 2570 เพื่อผลักดันการยกระดับสถานะตลาด โดยแผนการนี้ถูกเปิดเผยขึ้นระหว่างที่ เจอรัลด์ โทเลดาโน หัวหน้าฝ่ายหุ้น และสินทรัพย์หลายประเภทระดับโลกของ FTSE Russell เดินทางเยือนกรุงฮานอย
แผนงานดังกล่าวครอบคลุมการปรับปรุงกรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สมบูรณ์ และการจัดตั้งบริษัทย่อยที่จะทำหน้าที่เป็น กลไกคู่สัญญาส่วนกลาง (CCP) ภายใต้การกำกับดูแลของศูนย์รับฝาก และชำระราคาหลักทรัพย์เวียดนาม (VSDC)
กลไก CCP จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในฐานะตัวกลางระหว่างผู้ซื้อ และผู้ขายในตลาดหุ้น เพื่อสร้างความมั่นใจว่าการซื้อขายหลักทรัพย์จะสามารถดำเนินไปได้อย่างสมบูรณ์ แม้จะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่สามารถปฏิบัติตามข้อตกลงได้
สภาพคล่องหุ้นเวียดนามสูงกว่า ‘ไทย-สิงคโปร์’
ปัจจุบันเวียดนามได้เริ่มทยอยออกมาตรการรองรับแล้วหลายอย่าง เช่น การนำระบบการชำระราคาแบบใหม่มาใช้ และการยกเลิกข้อกำหนดที่ให้นักลงทุนต่างชาติต้องวางเงินเต็มจำนวนก่อนทำการซื้อขายหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และดึงดูดการลงทุน
ด้าน “ฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์” นายกรัฐมนตรีเวียดนาม แสดงความคาดหวังว่า FTSE Russell จะสนับสนุนการปรับสถานะของประเทศ ขณะที่รายงานจากวอยซ์ออฟเวียดนาม (VOV) ระบุว่า โทเลดาโน กล่าวย้ำถึงสภาพคล่องที่แข็งแกร่งของตลาดการเงินเวียดนาม ซึ่งสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย และสิงคโปร์
อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินเวียดนามยังมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆ ในภูมิภาค โดยข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ณ วันปิดตลาดวันพฤหัสบดี ดัชนีหุ้น VNINDEX ของเวียดนามมีมูลค่าตลาดราว 2.45 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่ดัชนี SET ของไทยมีมูลค่าประมาณ 4.55 แสนล้านดอลลาร์ และดัชนี STI ของสิงคโปร์มีมูลค่าประมาณ 4.90 แสนล้านดอลลาร์
Emerging Market ต้องมีความพร้อมเรื่องอะไรบ้าง
การที่จะยกระดับจาก "ตลาดชายขอบ" ไปสู่ "ตลาดเกิดใหม่" ไม่ได้มีเกณฑ์ตายตัวที่ใช้โดยองค์กรเดียว แต่ส่วนใหญ่จะยึดตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยผู้จัดทำดัชนีตลาดหุ้นระดับโลกหลักๆ เช่น MSCI และ FTSE Russell แต่โดยรวมแล้ว เกณฑ์หลักๆ ที่พิจารณาเพื่อยกระดับสถานะตลาดจะครอบคลุม 3 ด้านหลักๆ คือ 1.การพัฒนาทางเศรษฐกิจ 2.ขนาดและสภาพคล่องของตลาด และ 3.การเข้าถึงตลาด
สำหรับ เศรษฐกิจเวียดนามทางรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ที่ 8% ในปี 2568 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบหลายปี พร้อมเดินหน้าปรับโครงสร้างภาครัฐ และเสริมสร้างแรงผลักดันทางเศรษฐกิจ พร้อมประกาศแผนระยะยาวโดยคาดหวังให้เวียดนามสามารถบรรลุอัตราการเติบโตแบบสองหลักภายใน 5 ปีข้างหน้า ถือเป็นการแสดงท่าทีที่สนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเข้มข้น
รวมทั้งก่อนหน้านี้ เวียดนามพยายามยกระดับตลาดหุ้นมาโดยตลอด เพื่อต้องการยกระดับสถานะตลาด ทั้งการใช้ระบบ KRX Trading System เพื่อปรับปรุงกลไกการซื้อขาย เพิ่มประสิทธิภาพตลาด และปรับโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของเวียดนามให้สอดคล้องกับมาตรฐานสากล นอกจากนี้รัฐบาลก็เพิ่งมีการผ่อนคลายกฎเกณฑ์ให้นักลงทุนสถาบันต่างชาติสามารถลงทุนในหุ้นเวียดนามโดยที่ไม่ต้อง pre-fund
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







