หุ้นไทยวันนี้ 18 ก.ค.68 โบรกเตือนปรับขึ้นแค่คาดหวังไม่ใช่พื้นฐาน กรอบ 1185-1210 จุด

หุ้นไทยวันนี้ 18 ก.ค.68 โบรกเตือนปรับขึ้นแค่คาดหวังไม่ใช่พื้นฐาน กรอบ 1185-1210 จุด

หุ้นไทยวันนี้ 18 ก.ค.68 บล.พาย คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1185 - 1210 จุด เชิงกลยุทธ์การลงทุนควรเริ่มมองฝั่งทยอยทำกำไรมากกว่าจะเพิ่มความกล้าลงทุนด้วย Valuation เริ่มแพงผสานกับปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่ หากรับความเสี่ยงได้อาจ Trading ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก BJC CPALL HMPRO ศูนย์การค้า CPN ธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB SCB การเงิน MTC SAWAD

KEY

POINTS

  • บล.พาย ประเมิน SET INDEX วันนี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1185 – 1210 จุด
  • การปรับขึ้นของ SET ที่ผ่านมาเป็นผลจากความคาดหวังเรื่องเจรจาการค้าไทย-สหรัฐฯ ไม่ใช่ปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ
  • ในเชิง Valuation SET ปรับขึ้นมามี Forward PE ที่ 13.2 เท่า ซึ่งเริ่มแพงเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค และการเติบโตของไทยอาจไม่เหมือนในอดีต
  • กลยุทธ์การลงทุนแนะให้เริ่มทยอยทำกำไรมากกว่าเพิ่มความกล้าลงทุน แต่หากรับความเสี่ยงได้อาจ Trading ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก, ศูนย์การค้า, ธนาคาร และการเงิน

หุ้นไทยวันนี้ 18 ก.ค.68 บล.พาย เปิดเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones เมื่อคืนปิดบวก 229 จุด +0.5% ขณะที่ Nasdaq , S&P500 ปิดทำ New High ได้แรงหนุนจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการที่แข็งแกร่ง ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 1% หลังมีรายงานว่าบ่อน้ำมันของอิรักถูกโจมตี เป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน

นอกจากนี้ สหรัฐฯ ประกาศยอดค้าปลีกประจำเดือน มิ.ย. พบว่า ขยายตัว 0.6%MoM ดีกว่า Bloomberg Consensus คาดการณ์ที่ 0.1%MoM ขยายตัวเด่นในสินค้าจำพวกยานยนต์และส่วนประกอบ +1.2%MoM เสื้อผ้าและเครื่องประดับ +0.9%MoM ขณะที่สินค้าอื่นๆก็ขยายตัวได้เช่นกัน สะท้อนถึงอุปสงค์ของสหรัฐฯ ยังไปได้ดี ทำให้พบเห็นว่าค่าเงิน Dollar Index เริ่มขยับขึ้น

แต่อย่างไรก็ตาม ให้ระมัดระวังความกังวลด้านดอกเบี้ย หากเศรษฐกิจร้อนแรงจนเกินไปอาจทำให้ FED ตัดสินใจไม่ลดดอกเบี้ย ข้อมูลจาก CME FED Watch ล่าสุดให้ที่ทั้งปี 25 FED จะลดดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้ง 

ส่วนปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังคงติดตามการเจรจาระหว่างไทย-สหรัฐฯ ซึ่งวานนี้ Bloomberg ได้สัมภาษณ์หนึ่งในคณะเจรจากับสหรัฐฯ ทีม Thailand ได้ข้อมูลดังนี้ โดยไทยจะยื่นข้อเสนอสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ กว่า 90% ให้ภาษีเป็น 0% จากเดิมทีที่วางแผนไว้เพียง 60% ของสินค้าทั้งหมด พร้อมกับมีแผนจะลดขาดดุลการค้าที่ 4.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯลงให้ได้ 70% ภายในสามปีและนำไปสู่ดุลการค้าที่จะสมดุลมากขึ้น หนึ่งในทีมเจรจาเชื่อว่าข้อเสนอที่จะมอบให้กับสหรัฐฯ นั้นของไทยมีศักยภาพมากกว่าเวียดนามและอินโดนีเซีย 

นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้วยังมีข้อเสนอเพิ่มการซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ จำพวกแก๊สธรรมชาติ เครื่องบิน BOEING สินค้าเกษตรต่างๆ (ข้าวโพด ถั่วเหลือง) ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยต้นทุนผู้ประกอบการในไทยจากการที่ต้นทุนสหรัฐฯค่อนข้างต่ำ พร้อมเชื่อว่าจะสามารถเจรจาเสร็จทันก่อนเส้นตายวันที่ 1 ส.ค. โดยคาดหวังอัตราภาษีในระดับ 18 – 20% 

ทั้งนี้หากสามารถลดภาษีจาก 36% มาอยู่ในกรอบ 18-20% ก็จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของไทยถือว่าใกล้เคียงกับภูมิภาค แต่หากลดลงได้ในระดับ 15% ลงไปจะทำให้ศักยภาพของไทยถือว่าแข็งแกร่ง และตลาดหุ้นก็น่าจะตอบรับเชิงบวก ซึ่งวานนี้เชื่อว่า SET INDEX ที่ปรับขึ้นมา 3.5% และนับจากจุดต่ำสุดแล้วราว 12% ส่วนหนึ่งก็คือการความหวังเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐฯ 

แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยข้างต้นอาจไม่ใช่สิ่งที่เพิ่ม Upside ตลาดหุ้นไทยเป็นเพียงตัวจำกัด Downside Risk เชิงเศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียนมากกว่า ในเชิงปัจจัยพื้นฐานของไทยยังไม่เห็นการฟื้นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ทิศทางเศรษฐกิจครึ่งปีหลังยังมีความน่ากังวลเพราะการเติบโตจะลดลงหากเทียบครึ่งปีแรก ผสานกับการท่องเที่ยวที่ยังคงลดลงและยังไม่เห็นการฟื้นตัว ในเชิง Valuation จากการที่ SET ปรับขึ้นมาทำให้ Forward PE ขึ้นมาที่ 13.2 เท่า หากเทียบกับอดีตก็อาจไม่แพงเพราะเคยไปซื้อขายในช่วง 15-16 เท่า แต่การเติบโตของไทยจากนี้อาจไม่เหมือนในอดีต โดยที่ Hang Seng , Kospi ซื้อขายในช่วง PE เพียง 11 เท่า การปรับขึ้นจากนี้จึงควรระมัดระวังมากกว่าจะไล่ราคา 

วันนี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1185 -1210 จุด  เชิงกลยุทธ์การลงทุนควรเริ่มมองฝั่งทยอยทำกำไรมากกว่าจะเพิ่มความกล้าลงทุนด้วย Valuation เริ่มแพงผสานกับปัจจัยพื้นฐานยังไม่เห็นพัฒนาการที่ดีขึ้นแต่อย่างไรก็ตามหากรับความเสี่ยงได้ อาจ Trading ในหุ้นกลุ่มค้าปลีก BJC CPALL HMPRO ศูนย์การค้า CPN ธนาคารพาณิชย์ BBL KBANK KTB SCB การเงิน MTC SAWAD