ทิศทางหุ้นไทยจะไปทางไหน? จับตา 3 คดีการเมือง ส.ค.นี้

ทิศทางหุ้นไทยจะไปทางไหน? จับตา 3 คดีการเมือง ส.ค.นี้

บล.เอเซีย พลัส เผยความไม่แน่นอนทั้ง 3 คดีน่าจะกดดันให้ SET INDEX ผันผวนช่วงก่อนคำตัดสิน หากกระบวนการของสภายังคงอยู่ และไม่มีการยุบสภาในช่วงเดือน ส.ค.68 น่าจะทำให้การเบิกจ่ายงบประจำปี 69 ยังคงกรอบเวลาเดิมและมีมาตรการกระตุ้นออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง คาดเศรษฐกิจไทยไม่น่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวมากนัก และมีโอกาสเกิด TECHNICAL RECEESION น้อย ดังนั้นจังหวะดังกล่าวถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นใหญ่ที่มีHIGH DIVIDEND YIELD หรือ PROFIT GROWTH 68 เติบโต อย่าง PTT, SCC, CPALL, BDMS, TRUE, PLANB

KEY

POINTS

  • บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ว่าทิศทาง SET INDEX ในเดือนสิงหาคม 2568 จะถูกกดดันจาก 3 คดีการเมืองสำคัญ
  • คดีแรกคือ "คดีชั้น 14" ของทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งคาดว่าจะมีคำวินิจฉัยในเดือนสิงหาคม
  • คดีที่สองคือ "คดี ม.112" ของทักษิณ จากการให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ โดยศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 22 สิงหาคม 2568
  • คดีที่สามคือ "คลิปเสียงฮุน เซน" ที่เกี่ยวข้องกับแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญอาจมีคำวินิจฉัยเรื่องการพ้นตำแหน่งในเดือนสิงหาคม

บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า ในเดือน ส.ค.2568 จับตา 3 คดีทางการเมืองที่อาจชี้ชะตาทิศทาง SET INDEX โดยมีรายละเอียด ดังนี้

1. “คดีชั้น 14” - ทักษิณ
• ประเด็น: ไม่ได้ติดคุกจริง แต่ใช้เวลา 181 วันที่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ
• สถานะ: ไต่สวนพยานนัดสุดท้าย 30 ก.ค. → คาดหมายคำวินิจฉัยเดือน ส.ค.

2. “คดี ม.112” - ทักษิณ
• ประเด็น: สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้ พาดพิงสถาบันฯในอดีต
• นัดฟังคำพิพากษา 22 ส.ค. 68

3. “คลิปเสียงฮุน เซน” - แพทองธาร
• ข้อกล่าวหา: เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ทำความเสื่อมเสียต่อชาติ
• เส้นตาย: สิ้นเดือน ก.ค. 68 → ครบกำหนดยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ
• คาดหมาย: ศาลอาจมีคำวินิจฉัยพ้น-ไม่พ้นตำแหน่ง ในเดือน ส.ค.68
 

ปัจจัยความไม่แน่นอนทั้ง 3 คดีน่าจะกดดันให้ SET INDEX ผันผวนช่วงก่อนคำตัดสิน อย่างไรก็ตามหากกระบวนการของสภายังคงอยู่ และไม่มีการยุบสภาในช่วงเดือน ส.ค.68 น่าจะทำให้การเบิกจ่ายงบประจำปี 69 ยังคงกรอบเวลาเดิมและมีมาตรการกระตุ้นออกมาในช่วงครึ่งปีหลัง อีกทั้งทิศทางดอกเบี้ยไทยครึ่งปีหลัง มีโอกาสลดดอกเบี้ยอีก 1-2 ครั้ง ราว 0.25-0.50% สะท้อนผ่านตราสารหนี้ไทยอายุน้อยกว่า 7 ปีที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1.75% จึงคาดหมายว่า เศรษฐกิจไทยไม่น่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวมากนัก และมีโอกาสเกิด TECHNICAL RECEESION น้อย ดังนั้นจังหวะดังกล่าวถือเป็นโอกาสสะสมหุ้นใหญ่ที่มีHIGH DIVIDEND YIELD หรือ PROFIT GROWTH 68 เติบโต อย่าง PTT, SCC, CPALL, BDMS, TRUE, PLANB

ทิศทางหุ้นไทยจะไปทางไหน? จับตา 3 คดีการเมือง ส.ค.นี้

ย้อนรอย DINNER TALK ตลาดหุ้นไทยเป็นไง แล้วน่าเก็งกำไรหุ้นตัวไหน?

เย็นนี้ ทักษิณจะพูดเรื่อง ปลดล็อกอนาคตประเทศไทยสู้วิกฤติโลก (UNLOCKING THAILAND'S FUTURE) จัดโดย อสมท. ทางฝ่ายวิจัยฯ ได้ย้อนเหตุการณ์ตลาดหุ้น หลัง TONY TALK เกี่ยวกับเศรษฐกิจ พบว่า

▪ หลังงาน DINNER TALK 23 ส.ค. 24 1 วัน SET INDEX มีการปรับเพิ่มขึ้น 1% และขึ้นต่อเนื่องในระยะ 2 เดือนข้างหน้า

▪ หลังงาน DINNER TALK 13 ม.ค. 24 1 วัน SET INDEX มีการปรับลดลง -1% และทรงๆ ตัวในระยะ 2 สัปดาห์ถัดมา

ทิศทางหุ้นไทยจะไปทางไหน? จับตา 3 คดีการเมือง ส.ค.นี้

นอกจากนี้ ฝ่ายวิจัยฯ ยังทำการรวบรวมผลตอบแทนจากหุ้นใน SET100 หลัง DINNER TALK ทั้ง 2 รอบ พบว่า มี 20 หุ้นที่เฉลี่ยขึ้นแรง และ 7 หุ้นที่ขึ้นทั้ง 2 รอบหลัง DINNER TALK 

ทิศทางหุ้นไทยจะไปทางไหน? จับตา 3 คดีการเมือง ส.ค.นี้

กลยุทธ์แนะนำเก็งกำไรหุ้นที่มักขึ้นได้ดีเวลามีเหตุการณ์ TONY TALK และมีปัจจัยเฉพาะตัวบวกหนุนในช่วงนี้ แนะนำ SAWAD, SCGP, TU, GUNKUL, OR, ADVANC, AOT