หุ้น ECF-DV8 กอดคอดิ่งเหว 30% โบรกเตือนลงทุนอย่างระมัดระวัง หลัง ก.ล.ต.-ตลท.จับตาอย่างใกล้ชิด

หุ้น ECF-DV8 กอดคอดิ่งเหว 30% โบรกเตือนลงทุนอย่างระมัดระวัง หลัง ก.ล.ต.-ตลท.จับตาอย่างใกล้ชิด

หุ้น ECF ร่วงแรง 30.00% ลดลง 0.60 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.40 บาท ขณะที่ DV8 ร่วง 23.26% ลดลง 2.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 6.60 บาท โบรกเตือนลงทุนอย่างระมัดระวัง หลัง ก.ล.ต.-ตลท.จับตาอย่างใกล้ชิด

KEY

POINTS

  • หุ้น ECF และ DV8 ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในการซื้อขายภาคเช้าวันที่ 16 ก.ค. 2568 โดย ECF ร่วง 30% และ DV8 ร่วง 23.26%
  • โบรกเกอร์เตือนนักลงทุนให้ระมัดระวังการลงทุนในหุ้นทั้งสองตัว เนื่องจากเป็นหุ้น Small Cap ที่ราคาไม่ได้เคลื่อนไหวตามตลาดโดยรวม และขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะตัว
  • ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายหุ้น DV8 เป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. - 5 ส.ค. 2568 หลังราคาปรับตัวสูงขึ้นมากโดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานรองรับ
  • ก.ล.ต. สั่งให้ ECF ชี้แจงข้อมูลภายในวันที่ 18 ก.ค. 2568 กรณีเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิ ECF-W5 จาก 0.55 บาท เป็น 5 บาท ซึ่งอาจทำให้ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิเสียผลประโยชน์

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 16 ก.ค. 2568 หุ้น ECF หรือ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) ร่วงแรง 30.00% ลดลง 0.60 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 1.40 บาท ขณะที่ DV8 หรือ บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน) ร่วง 23.26% ลดลง 2.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 6.60 บาท

กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า จากสถานการณ์ที่หุ้นกลุ่ม Small Cap อย่าง DV8 และ ECF มีการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง ทำให้เกิดคำถามจากนักลงทุนเกี่ยวกับสาเหตุของการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ

"เป็นหุ้นในกลุ่ม Small Cap ที่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดโดยรวม การปรับตัวของราคาหุ้นทั้ง DV8 และ ECF ขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะตัวค่อนข้างมาก"

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าว สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีมาตรการควบคุมและออกมาเตือนให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวังในการซื้อขายหุ้น แนะนำว่า หากนักลงทุนไม่มีข้อมูลหรือความเข้าใจที่เพียงพอ ควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในหุ้น ECF และ DV8 ไปก่อน และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ นักลงทุนจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ สำหรับการซื้อขายหุ้น 2 ตัวนี้

ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 เป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. - 5 ส.ค. 2568 ส่งผลให้ในช่วงเวลาดังกล่าว หลักทรัพย์ DV8 จะซื้อขายด้วยวิธี Auction และห้าม Net settlement เพิ่มเติมจากเงื่อนไขที่กำหนดในมาตรการระดับ 1 โดยผู้ลงทุนที่จะซื้อขายหลักทรัพย์ DV8 สามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ 3 ช่วง คือ Pre-open 1/ Pre-open 2 และ Pre-close และตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสุ่มเวลาจับคู่ (random) วันละ 3 รอบ ดังนี้

หลักทรัพย์ DV8 เริ่มอยู่ในมาตรการกำกับการซื้อขายระดับ 1 ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 2568 เนื่องจากสภาพการซื้อขายปรับตัวเปลี่ยนแปลงไปจากก่อนหน้าอย่างมาก โดยไม่มีปัจจัยพื้นฐานและสารสนเทศสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ช่วงที่อยู่ในมาตรการพบว่าปริมาณการซื้อขายลดลงอย่างมาก (เฉลี่ยวันละ 5 ล้านหุ้น) ขณะที่ราคายังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

สภาพการซื้อขาย DV8 ในวันนี้ (15 ก.ค. 2568) ปรับตัวสูงมากทั้งราคาและปริมาณ โดยราคาปิด New high ที่ 8.60 บาท (+21.13%) ด้วยปริมาณการซื้อขายที่ 18 ล้านหุ้น ด้วย P/E ขาดทุน และ P/BV ที่ 15.4 เท่า ส่งผลให้ Market Cap ปรับสูงขึ้นเป็น 11,356 ล้านบาท จาก 700 ล้านบาท ภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยพบว่าในช่วงก่อนหน้า (วันที่ 3 ก.ค. และ 11 ก.ค.2568) บริษัทแจ้งสารสนเทศเกี่ยวกับการทำคำเสนอซื้อ (Tender offer) ที่ราคาต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมากที่ราคาหุ้นละ 0.56 บาท โดยหากซื้อได้ไม่ถึง 990 ล้านหุ้น จะยกเลิกการทำ Tender offer และผู้ทำคำเสนอซื้อมีแผนที่จะนำเสนอการขยายธุรกิจด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยอยู่ระหว่างศึกษาโอกาสและความเป็นไปได้ของธุรกิจ คาดว่าจะได้ความแน่นอนเกี่ยวกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนภายในไตรมาส 4 ปี 2568 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงยกระดับมาตรการกำกับการซื้อขายเป็นระดับ 2 ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ค. – 5 ส.ค. 2568 และขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาปัจจัยพื้นฐานและข้อมูลต่างๆ ที่น่าเชื่อถือประกอบให้รอบคอบก่อนการลงทุน 

หมายเหตุ :  มาตรการกำกับการซื้อขายให้สมาชิกดำเนินการ 

ระดับ 1: ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย และ Cash Balance (ซื้อด้วยเงินสด 100%)

ระดับ 2: ห้าม Net settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย, Cash Balance และให้ซื้อขายด้วยวิธี Auction    

ระดับ 3: หยุดพักการซื้อขาย 1 วัน ในวันทำการแรก, เมื่ออนุญาตให้ซื้อขาย ห้าม Net Settlement, ห้ามคำนวณวงเงินซื้อขาย, Cash Balance และให้ซื้อขายด้วยวิธี Auction

ด้าน DV8 ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการสอบถามถึงพัฒนาการใดๆ ที่อาจส่งผลต่อราคาหลักทรัพย์ของ บริษัท ดีวี8 จำกัด (มหาชน) หรือ DV8) เนื่องจาก พบว่าสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากจากวันก่อนหน้า เพื่อให้ผู้ถือหุ้นและหรือผู้ลงทุนได้มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจลงทุนอย่างครบถ้วน
บริษัทขอชี้แจงดังนี้

1.บริษัทมีพัฒนาการใดๆ ที่ยังไม่ได้เปิดเผย หรือสารสนเทศที่มีนัยสำคัญที่บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาและอาจเปิดเผยต่อตลาดหลักทรัพย์ฯในระยะเวลาอันใกล้ เช่น การเพิ่มทุน การร่วมทุน การได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งทรัพย์สินหรือข้อพิพาทที่สำคัญ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายที่เปลี่ยนแปลงไปหรือไม่  : ไม่มี 

2.บริษัททราบถึงสาเหตุอื่นใดที่อาจส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหรือไม่  : ไม่ทราบ

3. สารสนเทศอื่นที่บริษัทต้องการชี้แจง (ถ้ามี):ไม่มี

หากมีข้อมูลใด ๆ ที่บริษัทฯ มีหน้าที่ต้องแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ จะแจ้งข้อมูลต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป

ขณะที่ ก.ล.ต. สั่งการให้ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF ชี้แจงข้อมูลกรณี ECF ได้มีการเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิในการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ECF (ECF-W5) จากราคาใช้สิทธิที่คำนวณตามสูตรที่กำหนดในข้อกำหนดสิทธิของ ECF-W5 ที่ 0.55 บาทต่อหุ้น เป็น 5 บาทต่อหุ้น ซึ่งอาจทำให้ผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ถือ ECF-W5 ด้อยไปกว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ

สืบเนื่องจาก ECF ได้ชี้แจงข้อมูลผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ระบบ SETLink) เกี่ยวกับการปรับสิทธิ ECF-W5 จากการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ (par) ของหุ้น ECF

โดยการรวมหุ้น (โดยการรวม par จาก 0.25 บาทต่อหุ้น เป็น 5 บาทต่อหุ้น) รวมทั้งการเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้น (right offering) และการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญครั้งที่ 6 (ECF-W6) ซึ่งทำให้ราคาใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิในการแปลงสภาพ ECF-W5 เป็นหุ้น ECF เท่ากับ 0.55 บาทต่อหุ้น และ 1 หน่วย ECF-W5 ต่อ 0.99 หุ้นสามัญ ตามลำดับ

ต่อมา ECF ได้ชี้แจงเพิ่มเติมถึงเหตุผลในการเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิจาก 0.55 บาทต่อหุ้น เป็น 5 บาทต่อหุ้นว่าเป็นผลจากในขณะที่ ECF เสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2567 เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขาย ECF-W5 นั้น ECF มีกำไรสะสม จึงไม่สามารถขอและไม่ได้ดำเนินการขอมติอนุมัติให้ออกหุ้นรองรับในราคาต่ำกว่า par ตามมาตรา 52 ของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด) ได้

ดังนั้น เมื่อ ECF คำนวณราคาใช้สิทธิใหม่ตามข้อกำหนดสิทธิของ ECF-W5 ซึ่งต่ำกว่า par ณ ปัจจุบัน ECF จึงเห็นว่า สามารถกำหนดราคาใช้สิทธิได้เพียงเท่ากับ par ณ ปัจจุบัน ที่อยู่ที่ 5 บาทต่อหุ้น โดยไม่สามารถออกหุ้นรองรับในราคาต่ำกว่า par ได้ เพราะจะทำให้ไม่สามารถจดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วจากการใช้สิทธิได้ จึงปรับราคาใช้สิทธิจาก 0.55 บาทต่อหุ้น เป็น 5 บาทต่อหุ้น เพื่อให้เป็นไปตามมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 และตาม พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด

อย่างไรก็ดี ก.ล.ต. เห็นว่า ผลการเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิของ ECF-W5 ทำให้ราคาใช้สิทธิสูงกว่าราคาใช้สิทธิที่กำหนดไว้เดิม ในขณะที่หลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. กำหนดว่า ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (ใบสำคัญแสดงสิทธิฯ) ต้องมีข้อผูกพันที่มีเหตุและเงื่อนไขในการปรับสิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิฯ เพื่อมิให้ผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ ที่ผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิฯ จะได้รับเมื่อมีการใช้สิทธิด้อยไปกว่าเดิม พร้อมทั้งสูตรการคำนวณ

พิจารณาได้ว่า การเปลี่ยนแปลงราคาใช้สิทธิของ ECF-W5 เป็นกรณีที่จะมีผลกระทบต่อสิทธิประโยชน์ของผู้ถือหลักทรัพย์หรือต่อการตัดสินใจในการลงทุน หรือต่อการเปลี่ยนแปลงในราคาของหลักทรัพย์ของ ECF อย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับการออกหุ้นในราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ตราไว้เป็นเรื่องที่อยู่ในบทบัญญัติของ พ.ร.บ. บริษัทมหาชนจำกัด

ก.ล.ต. จึงอาศัยอำนาจตามมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ให้ ECF ชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการที่ ECF ระบุว่าได้พิจารณาหารือร่วมกับนายทะเบียนบริษัทมหาชนอย่างใกล้ชิดก่อนจะดำเนินการปรับราคาใช้สิทธิดังกล่าว ต่อ ก.ล.ต. ภายในวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 พร้อมให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อสาธารณชนผ่านระบบ SETLink ด้วย

หุ้น ECF-DV8 กอดคอดิ่งเหว 30% โบรกเตือนลงทุนอย่างระมัดระวัง หลัง ก.ล.ต.-ตลท.จับตาอย่างใกล้ชิด หุ้น ECF-DV8 กอดคอดิ่งเหว 30% โบรกเตือนลงทุนอย่างระมัดระวัง หลัง ก.ล.ต.-ตลท.จับตาอย่างใกล้ชิด