หุ้นไทยเช้านี้บวก 4.50 จุด ตลาดเก็งผู้ว่า ธปท.คนใหม่ ประชุมครม.เสนอ 'วิทัย รัตนากร'

ตลาดหุ้นไทยเช้านนี้ปรับตัวขึ้น 4.50 จุด นักวิเคราะห์ เผยได้ปัจจัยหนุนหลักจากกระแสข่าวการคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเสนอชื่อ นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ มองเป็นตัวเลือกที่ตลาดชื่นชอบ และคาดว่าหากได้รับตำแหน่ง อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 1% และอาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
KEY
POINTS
- ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น 4.50 จุดในเช้าวันนี้ โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากกระแสข่าวการคาดการณ์ว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเสนอชื่อ นายวิทัย รัตนากร ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่
- นายวิทัย รัตนากร ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นตัวเลือกที่ตลาดชื่นชอบ และคาดว่าหากได้รับตำแหน่ง อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ถึง 1% และอาจเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
- การคาดการณ์ดังกล่าวสร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อการลงทุน โดยเฉพาะในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากการลดดอกเบี้ย เช่น กลุ่มไฟแนนซ์, โรงไฟฟ้า และอสังหาริมทรัพย์
ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 15 ก.ค.2568 เปิดบวก 4.50 จุด หรือ 0.39% หรืออยู่ที่ 1,147.81 จุด มูลค่าการซื้อขาย 3,033.40 ล้านบาท
กรรณ์ หทัยศรัทธา หัวหน้านักกลยุทธ์การลงทุน และ นักเศรษฐศาสตร์ สายงานวิจัย บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดการณ์ว่าดัชนีแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,150 จุด หากดัชนีทะลุระดับดังกล่าว มีโอกาสสูงที่จะเกิดแรงขายกดดันให้ปรับตัวลงมา เนื่องจากตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมา 1-2 วันแล้ว
ทั้งนี้ ปัจจัยหลักที่หนุนการปรับขึ้นของตลาดจากกระแสข่าวการคาดการณ์ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ตลาดมองว่า วิทัย รัตนากร ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เป็นตัวเลือกที่ตลาดชื่นชอบ หากวิทัยเข้ามาดำรงตำแหน่ง คาดว่าอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ถึง 1% และอาจเร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดการณ์ไว้
สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจที่ต้องจับตาในวันนี้ มองว่าตัวเลข GDP ของจีนที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน หากออกมาใกล้เคียงหรือไม่ได้ต่ำกว่า 4.6% มากนัก ตลาดก็ไม่น่าจะตอบรับในเชิงลบ ส่วนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน เชื่อว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงถูกควบคุมอยู่ และหากออกมาใกล้เคียงกับที่คาดการณ์ ตลาดก็ไม่น่าจะมีการตอบรับที่รุนแรง
"นักลงทุนวันนี้อาจมีการแบ่งขายทำกำไรพอร์ต มองว่าที่ระดับ 1,150 จุด ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ ที่จะหนุนให้หุ้นปรับตัวขึ้นได้อีกมาก และตลาดก็ปรับตัวขึ้นมามากแล้ว ขณะที่กลุ่มที่น่าสนใจสำหรับการเข้าหลบภัยหรือลงทุนต่อคือ กลุ่มธนาคาร ซึ่งจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการ โดย TISCO จะเป็นธนาคารแรกๆ ที่ประกาศ คาดว่า ธนาคารใหญ่ๆ อาจมีเซอร์ไพรส์ในเชิงบวก โดยเฉพาะหุ้น BBL และ KTB ที่เป็น 2 ตัวเลือกที่แนะนำ"
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า วันนี้มีหลายตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าติดตาม โดยทางฝั่งจีน จับตาไตรมาส 2/68 GDP คาด +5.1%y-y ชะลอจากไตรมาส 1/68 ที่ +5.4%y-y ส่วนฝั่งสหรัฐฯ ติดตามตัวเลขเงินเฟ้อ เดือนมิถุนายน โดยคาด US CPI ที่ +2.6%y-y เพิ่มจากเดือนพฤษภาคมที่ +2.4%y-y และ US Core CPI คาดที่ +2.9%y-y ขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ +2.8%y-y ซึ่งตัวเลขนี้ถือว่ามีผลสำคัญต่อการตัดสินใจดอกเบี้ยนโยบายของ FED ในช่วงถัดไป โดยเรายังคาดในช่วงที่เหลือของปีนี้ FED ยังมีโอกาสปรับลดดอกเบี้ยสหรัฐฯ ลงอีก 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ส่วนด้านปัจจัยในประเทศ วันนี้แนะจับตาการประชุม ครม. คาดจะมีการเสนอชื่อ นายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ ซึ่งน่าจะทำให้การประสานนโยบายการเงินและนโยบายการคลังกับรัฐบาลทำได้ดีขึ้น ดังนั้นอาจเพิ่มโอกาสในการปรับลดดอกเบี้ยนโยบายของไทยในช่วงถัดไป ซึ่งเป็นปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนมากยิ่งขึ้น ถือเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อกลุ่มที่ได้อานิสงส์จากการปรับลดดอกเบี้ย เช่น กลุ่มไฟแนนนซ์, โรงไฟฟ้า, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
ด้าน SET ยังฟื้นตัวได้ดี โดยมีแนวต้านย่อยที่เตรียมทดสอบถัดไปอยู่ที่ 1,160 จุด โดยแนะติดตามการรายงานงบไตรมาส 2/68 ของบริษัทจดทะเบียนที่เริ่มทยอยประกาศ โดยจังหวะตลาดย่อยังเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรดี
หุ้นแนะนำวันนี้ TIDLOR คาดสินเชื่อและเบี้ยประกันปีนี้จะเติบโต ช่วยหนุนผลประกอบการยังขยายตัวต่อเนื่อง คาดคุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น สะท้อนจาก Credit cost และ NPL formation จะลดลงต่อเนื่องในไตรมาส 2/68 ผสานจิตวิทยาเชิงบวกจากการที่คุณวิทัย มีโอกาสได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้ว่า ธปท. คนใหม่ ซึ่งเพิ่มความน่าจะเป็นในการปรับลดดอกเบี้ยมากขึ้น เป็นบวกต่อกลุ่มไฟแนนซ์ ราคาเป้าหมาย 19.00 บาท







