S&P 500,  NASDAQ  ปิดตลาดทำสถิติใหม่ นักลงทุนเมินภาษีทรัมป์

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้งในวันพฤหัสบดี (10 ก.ค.) ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเรื่องภาษีศุลกากรของทรัมป์ ที่เลื่อนเส้นตายออกไปเป็นวันที่ 1 สิงหาคม

ทั้ง S&P 500 และแนสแด็ก Nasdaq Composite ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยดัชนีS&P 500 เพิ่มขึ้น 0.27% ปิดที่ 6,280.46 จุด ดัชนี Nasdaq ซึ่งเน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 0.09% ปิดที่ 20,630.67 จุด ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 192 จุด หรือ 0.43% ปิดที่ 44,650.64 จุด

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงเมื่อค่ำวันพุธว่า สหรัฐฯ จะจัดเก็บภาษีนำเข้าทองแดง 50% ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ทรัมป์ยังประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าบราซิล 50% เพื่อเป็นการตอบโต้การฟ้องร้องคดีต่ออดีตประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนาโร แห่งบราซิล ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ จากบทบาทของเขาในความพยายามคว่ำผลการเลือกตั้งปี 2565  ทรัมป์ยังกล่าวเสริมว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นผลมาจาก “ความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง” ของบราซิล โดยระบุว่า “ความสัมพันธ์นั้น” “ห่างไกลจากความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทน”

ผู้นำบราซิลขู่ตอบโต้ภาษีทรัมป์

ประธานาธิบดีลูอีซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา แห่งบราซิล กล่าวในภายหลังว่าบราซิลจะตอบโต้ต่อการจัดเก็บภาษี 50% ตามกฎหมายว่าด้วยความสัมพันธ์แบบต่างตอบแทนทางเศรษฐกิจ กองทุนอีทีเอฟ iShares MSCI Brazil ETF (EWZ) ที่ติดตามหุ้นบราซิลลดลง 1.6% ในวันพฤหัสบดี

ก่อนที่ประธานาธิบดีจะประกาศจัดเก็บภาษีนำเข้าบราซิล เขาได้ส่งจดหมายแจ้งอัตราภาษีใหม่ของสหรัฐฯ สำหรับการนำเข้าสินค้าจากอย่างน้อย 7 ประเทศเพิ่มเติม 

ทรัมป์ได้ส่งจดหมายกำหนดอัตราภาษีใหม่ไปยังผู้นำของประเทศอื่นๆ  14 ประเทศเมื่อต้นสัปดาห์นี้ เช่น ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยภาษีศุลกากรดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม

แม้ความตึงเครียดทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้น แต่ตลาดสหรัฐฯ ก็สามารถฟื้นตัวจากภาวะร่วงลงอย่างหนักในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้

“เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่มูลค่าตลาดจะสูงกว่าระดับที่เราเริ่มต้นปีเมื่อพิจารณาจากความไม่แน่นอนทั้งหมดเกี่ยวกับภาษีศุลกากร และตอนนี้เรามีกำหนดเส้นตายใหม่ ตลาดเริ่มไม่ใส่ใจกับเรื่องนี้อย่างมาก และผมคิดว่ามีเหตุผลที่ดี” ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์เชิงปริมาณของ Horizon Investment กล่าว

วอลล์สตรีทปรับตัวสูงขึ้นในช่วงการซื้อขายวันพุธเช่นกัน ดัชนีที่เพิ่มขึ้นนี้ได้รับแรงหนุนจากความเชื่อมั่นในธุรกิจปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 2% กลายเป็นบริษัทมหาชนแห่งแรกที่มีมูลค่าตลาดสูงถึง 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ด้วยราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น 0.8% ในวันพฤหัสบดี ทำให้ราคาหุ้นชิปยังคงขึ้นสูงกว่าดัชนีตลาดในวันพฤหัสบดี

ขณะนี้ทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ต่างก็มีทิศทางปิดบวกในรอบสัปดาห์ขณะที่ดัชนี Dow มีแนวโน้มที่จะปิดตลาดด้วยการลดลง 0.4%