ตลท. จัดเกรดจี้บจ.เมิน “เปิดเผยข้อมูล” เตรียมทบทวนเพื่อประกาศใช้จริงครึ่งปี 68

ตลท. จัดเกรดจี้บจ.เมิน “เปิดเผยข้อมูล”  เตรียมทบทวนเพื่อประกาศใช้จริงครึ่งปี 68

ตลท.จ่อปรับเกณฑ์เข้ม บจ. “เปิดเผยข้อมูล” หลังพบหลายเคสเปิดเผยข้อมูลไม่ครบ-ไม่ถูกต้อง เตรียมดึงโมเดลญี่ปุ่นมาศึกษาและปรับใช้ด้วยการจัดการเกรด บจ. ตามการเปิดเผยข้อมูล และให้นักลงทุนพิจารณาตัดสินลงทุน คาดใช้ทันในปี 68 พร้อมปัดมาตรการเอื้อ KTC ย้ำชัดเป็นเรื่องโบรกและลูกค้าบังคับขายหุ้น ไม่มีการมาปรึกษากับทางตลท.หรือบอร์ดเพื่อให้พิจารณา

      นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมายและบริหารกิจกรรมเพื่อสังคมหัวหน้ากลุ่มงานกฎหมายและวินัยและหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กรตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)  เปิดเผยว่า มีการทบทวนมาตรการเปิดเผยข้อมูลบจ.ให้เข้มข้นเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 และคาดจะสามารถดำเนินการได้ทันในปีนี้      

      โดยพบว่าที่ผ่านมามีหลายเคสบจ . เปิดเผยข้อมูลไม่ครบถ้วนตามเกณฑ์ จนมีปัญหาการในเรื่องนี้จึงต้องมาดูและทบทวนว่าจะมีมาตรการที่เข้มข้นอย่างไรได้บ้างเพื่อดำเนินการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่มีความสำคัญต่อนักลงทุนที่ต้องได้รับทราบข้อมูลครบถ้วนและเท่าเทียมกัน ด้วย ตลท.มีภาระกิจดึง Trust & Confidence กลับฟื้นขึ้นมาต้องมาทบทวนมาตรการให้เข้มข้นมายิ่งขึ้น

 

        ทั้งนี้ได้มีการศึกษาเกณฑ์เปิดเผยข้อมูลจากต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น  อเมริกา เป็นต้น  ซึ่งกรณีตลาดหุ้นญี่ปุ่นมีการจัดอันดับการเปิดเผยข้อมูลอยู่ในระดับไหนและไล่เป็นขั้นบันได หากได้เกรด A  เป็น บจ. ที่เปิดเผยข้อมูลถูกต้องและดีมาก กรณีเกรด B เป็นบจ.ที่เปิดเผยข้อมูลผิดบ้างถูกบ้าง แต่หากไม่ปฎิบัติตามเกณฑ์ ได้เกรด C ซึ่งการจัดเกรดดังกล่าวไม่ได้มีมาตรกรการลงโทษแต่เป็นการให้สังคม นักลงทุน เป็นผู้กดดันและตัดสินเอง        

      หากจะนำมาตรการต่างประเทศมาใช้ต้องดูว่าไทยจะเป็นรูปแบบไหนได้บ้าง เพื่อกำกับดูแลเปิดเผยข้อมูล  แต่ไม่ได้หมายความว่า ตลท. ไม่มีมาตรการ ซึ่งปัจจุบันมีระดับดีกรีค่อยๆ เพิ่มขึ้นเริ่มจากมีหนังสือตักเตือนไปที่บริษัทยังไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ หากยังไม่เปิดเผยข้อมูลครบถ้วนอีกถึงมีการระบุ ถึงบจ. ด้วยการตำหนิผ่านสาธารณะให้ได้รับทราบ แต่ยังไม่เคยมีระดับไปถึงการตำหนิผ่านสาธารณะเพราะมองว่าเป็นระดับที่รุนแรง

      กรณีญี่ปุ่นหากนำมาปรับใช้การจัดอันดับเปิดเผยข้อมูลแบบนี้ เป็นการสื่อสารไปยังนักลงทุน สื่อและสังคม ให้รับทราบว่าบจ.ดังกล่าวเปิดเผยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งตามอำนาจหน้าที่ของ ตลท. ไม่มีอำนาจไปลงโทษอยู่แล้วเพราะเป็นอำนาจและหน้าที่ของ สำนักงาน ก.ล.ต. แต่ตลท.คาดหวังทำให้การเปิดเผยข้อมูลเข้มข้น มีการติดตามจากสังคม สื่อมากดดัน ในบจ.ที่เปิดเผยข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้องตามเกณฑ์

        ก่อนหน้านี้มีเคสบางบจ. เปิดเผยข้อมูลซื้อหุ้นคืนไม่ตรงกับที่รายงานกับตลท. ซึ่งหากเป็นเรื่องการใช้ข้อมูลภายในมีผลต่อการซื้อขายหุ้นดำเนินการตรวจสอบเป็นปกติแต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้เพราะต้องส่งให้สำนักงานก.ล.ต. ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย อีกด้านต้องมาดูว่ามาตรการที่อยู่ภายใต้ ตลท. มีอะไรบ้างและให้สังคมได้รับรู้  แต่ด้วยเรื่องนี้ไม่ได้มีฐานความผิดทางอาญามาลงโทษจึงต้องอาศัยสังคมและสื่อเป็นผู้ตัดสินเองเพื่อให้เกิดผล

          “แนวทางการจัดเกรดเปิดเผยข้อมูล บจ. ให้มีความครบถ้วนเป็นการศึกษาที่น่าจะนำมาพิจารณา แต่ต้องขอเวลาไปทบทวนจะออกมาในรูปแบบไหน ซึ่งอยู่ในกระบวนการคณะอนุกรรมการมีความคิดเห็นอย่างไร หากผ่านความเห็นชอบไปที่สำนักงานก.ล.ต. เพื่อขอความชอบและเสนอให้บอร์ด ตลท. พิจารณาออกมาเป็นมาตรการเกณฑ์เปิดเผยข้อมูลระยะถัดไป” 

        อย่างไรก็ตามขอชี้แจง การใช้มาตรการ Market Disruption เพื่อกำหนดมาตรการชั่วคราวหนึ่งหรือหลายมาตรการที่ผ่านมาในช่วงเกิดเหตุการณ์ที่มีหรืออาจมีผลกระทบต่อสภาพการซื้อขายโดยรวม  หรือเหตุจำเป็นเร่งด่วนที่มีหรืออาจมีผลกระทบต่อการดำเนินงานของตลท. ซึ่งล่าสุดคือมาตรการ ปรับ Ceiling/Floor ลดลงครึ่งหนึ่งหุ้นสามัญ จาก ± 30 % เป็น ±  15%  และปรับกรอบราคา Dynamic Price Band รายหลักทรัพย์ จาก ± 10 %เป็น  ± 5%  จากราคาซื้อขายล่าสุด มีผล 23 มิ.ย.และไม่เกิน 27 มิ.ย. 2568 นั้นไม่ได้คำนึกหรือเอื้อประโยชน์ให้หุ้นใดหุ้นหนึ่ง

          การประชุมบอร์ดไม่ได้มีการหยิบยกเคสหุ้นมาพิจารณาในที่ประชุมด้วย ซึ่งกรณี ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC  เกิดจากโบรกเกอร์กับลูกค้าทางตลท.ไม่ได้รับทราบเรื่องดังกล่าวมาก่อน ว่าจะมีการบังคับขายหุ้น หรือ Force sell  รวมถึงไม่มีการคุยระหว่างโบรกเพราะเป็นข้อมูลลูกค้าดังนั้นมาตรการที่ออกมาจึงไม่ได้ออกมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ใคร