หุ้นโรงไฟฟ้ากระทบแค่ไหน? หากนำเข้า LNG จากสหรัฐ โอกาสหรือความเสี่ยง

หุ้นโรงไฟฟ้ากระทบแค่ไหน? หากนำเข้า LNG จากสหรัฐ โอกาสหรือความเสี่ยง

บล.กรุงศรี มองว่าการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อหุ้นโรงไฟฟ้าแตกต่างกันไป โดยกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจาก IPP สามารถส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงไปยัง กฟผ. ได้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาจได้รับผลบวกเล็กน้อย หากนำเข้า LNG ในปริมาณ 1-2 ล้านตันต่อปี เนื่องจากราคา LNG จากสหรัฐฯ คาดว่าจะถูกกว่าราคาตลาดจรเล็กน้อย

KEY

POINTS

  • บล.กรุงศรี มองว่าการนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อหุ้นโรงไฟฟ้าแตกต่างกันไป โดยกลุ่มโรงไฟฟ้า IPP และโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน จะไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจาก IPP สามารถส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงไปยัง กฟผ. ได้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง
  • สำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาจได้รับผลบวกเล็กน้อย หากนำเข้า LNG ในปริมาณ 1-2 ล้านตันต่อปี เนื่องจากราคา LNG จากสหรัฐฯ คาดว่าจะถูกกว่าราคาตลาดจรเล็กน้อย
  • หากมีการนำเข้า LNG มากกว่า 2 ล้านตันต่อปี อาจกลายเป็นความเสี่ยงและส่งผลลบต่อโรงไฟฟ้า SPP เนื่องจากจะทำให้ราคา Pool Gas ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งสวนทางกับนโยบายของรัฐที่ต้องการลดค่าไฟในระยะยาว
  • ในระยะยาว 4-5 ปี การนำเข้า LNG จากสหรัฐฯ จะเป็นโอกาสและส่งผลบวกต่อ GULF ในฐานะผู้พัฒนา LNG Terminal แห่งที่ 3 ของไทย

บล.กรุงศรี ระบุว่า สหรัฐฯ ประกาศความคืบหน้าการเจรจาภาษีล่าสุดที่ 36% สำหรับไทย โดยปัจจุบันยังอยู่ระหว่างเจรจาเพื่อรอข้อสรุปอีกครั้งภายในวันที่ 1 ส.ค.2568 ซึ่งปัจจุบันมีความเป็นไปได้ในกรณีของการนำเข้า LNG จากสหรัฐเพิ่มเติม ซึ่งยังไม่ทราบปริมาณที่แน่ชัด

ทั้งนี้ มองเป็นกลางต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยประเมินการนำเข้า LNG เพิ่มเติมจากสหรัฐไม่มีผลอย่างมีนัยยะต่อผู้ประกอบการโรงไฟฟ้า IPP ซึ่งมีสัญญาเป็นลักษณะส่งผ่านต้นทุนเชื้อเพลิงไปที่กฟผ. และ Renewables ที่ไม่ได้ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง

ขณะที่ผลต่อกลุ่มโรงไฟฟ้า SPP อาจเกิดขึ้นได้หลายกรณี อาทิ

เป็นบวกเล็กน้อยต่อโรงไฟฟ้า SPP ในกรณีที่มีการนำเข้า LNG เพิ่มเติมในกรอบ 1-2 ล้านตันต่อปีบนราคาก๊าซ Henry Hub ปัจจุบันราว 3.5 USD/MMBtu คาดเทียบเท่าราคา LNG หลังนำเข้าไทย 11-12 USD/MMBtu ซึ่งถูกกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับ JKM LNG ปัจจุบันที่ 12.5 USD/MMBtu

มองเป็นลบต่อโรงไฟฟ้า SPP ในกรณีที่มีการนำเข้า LNG เพิ่มเติมสูงกว่า 2 ล้านตัน ซึ่งสูงกว่า Demand ก๊าซธรรมชาติปัจจุบันราว 30 ล้านตันต่อปี LNG คิดเป็น 30% ของ Pool gas และคาดว่าจะทำให้ราคา Pool gas ปรับตัวเพิ่มขึ้นเร็วเมื่อเทียบกับค่าไฟปัจจุบัน ซึ่งโดยนโยบายรัฐคาดหวังให้ระยะกลาง-ยาวค่าไฟลดลงมาที่ 3.5-3.7 บาทต่อหน่วย

สำหรับผลในระยะยาว 4-5 ปี หากมีการนำเข้า LNG จากสหรัฐเพิ่มขึ้นจริง มองเป็นบวกต่อ GULF ซึ่งเป็นผู้ประกอบ LNG Terminal แห่งที่ 3 ของไทยซึ่งอยู่ในช่วงก่อสร้าง บน Capacity 8 ล้านตันต่อปี และมีกำหนด COD ในปี 2571

อย่างไรก็ตาม เรายังคงเลือก GULF แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 56.5 บาท  และ BCPG แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีนี้ที่ 8.00 บาท  เป็น Top pick ของกลุ่มโรงไฟฟ้า โดยทั้งคู่ยังมี Theme การเติบโตที่ชัดเจน มีความเสี่ยงต่ำจากนโยบายลดค่าไฟภายในประเทศไทยและเวียดนาม และมองเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดบนความไม่แน่นอนปัจจุบันสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า