หุ้น TU เช้านี้บวก 2% โบรก เผยงบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เริ่มเห็นกำไรกลับมาฟื้นตัวได้

หุ้น TU เช้านี้ บวก 2.00% เพิ่มขึ้น 0.20 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 10.20 บาท นักวิเคราะห์เผย งบผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เริ่มเห็นกำไรกลับมาฟื้นตัวได้ แนะนำ ถือ
ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นไทยภาคเช้า ณ วันที่ 2 ก.ค.2568 เวลา 10.05 น.หุ้น TU หรือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บวก 2.00% เพิ่มขึ้น 0.20 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 10.20 บาท
นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ไตรมาส 2868 คาดกำไรสุทธิหุ้น TU อยู่ที่ 1,097 ล้านบาท หด -10% y-y แต่ ฟื้น +8% q-q จากยอดขายฟื้น q-q และค่าใช้จ่ายที่ลดลง โดยยอดขายรวมคาดที่ 33,724 ล้านบาท หด -4% y-y แต่ ฟื้น +13% q-q โดยแยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้
กลุ่ม Ambient 50% ของยอดขาย ยอดขายโต 3-4% y-y แต่แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากปริมาณขายเพิ่ม และมีสต็อกราคาถูกอยู่ โดยตลาดหลักอย่างสหรัฐ ยุโรป และไทยยังเติบโตได้ดี
กลุ่ม Frozen 29% ยอดขายลดลง 5-8% y-y โดยยอดขายในสหรัฐยังเติบโตได้ดี แต่ได้รับผลจากเงินบาทแข็ง รวมถึงยอดขายกลุ่มอาหารสัตว์น้ำที่ดีขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นดีขึ้นจากอาหารสัตว์น้ำที่ดีขึ้น
กลุ่มอาหารสัตว์เลี้ยง (12%) ยอดขายหดตัว 2-3% y-y แต่ฟื้น q-q โดยเฉพาะตลาดหลักอย่างสหรัฐ และยุโรปที่ยังเติบโตได้ดี แต่หากอัตรากำไรขั้นต้นหดตัว y-y ตามสัดส่วนการขายกลุ่ม Premium ที่ลดลง y-y
ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้น เราคาดว่าจากยอดขายที่เร่งตัวขึ้น q-q และธุรกิจหลักของ TU มีแนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นทำให้แนวโน้มอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 18.9% ใกล้เคียงกับ ไตรมาส 1/68 ที่ 18.8% แต่ดีกว่าปีก่อน
ส่วน ค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขาย คาดลดลงมาอยู่ที่ 14.0% จาก 1Q25 ที่ 15.8% แม้ว่าจะรวม transformation cost และค่าใช้จ่ายการตลาดแต่หากค่าขนส่งลดลง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วม คาดดีขึ้น y-y จากการดำเนินงานของ Avanti และ Lucky Union ดีขึ้น แต่ลดลง q-q จากผลของปัจจัยฤดูกาลของ Avanti
ขณะที่ ต้นทุนการเงิน คาดดอกเบี้ยจ่ายลดลง y-y จากอัตราดอกเบี้ยในตลาดที่ลดลง แต่จะเพิ่ม q-q ขณะที่อัตราภาษีจ่ายคาดไตรมาสนี้จะเริ่มได้รับผลจากมีผลบังคับใช้มาตรการภาษี GMT ทำให้ภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 1,097 ล้านบาท -10% y-y แต่ +8% q-q
นอกจากนี้ยังคงประมาณการไว้ดังเดิมก่อนแม้คาดแนวโน้มอัตราภาษีจ่ายจะลดลงจากเดิมที่เคยให้ไว้ แต่เราคงประมาณการปีนี้ ไว้ดังเดิมก่อน เนื่องจากประมาณการก่อนหน้าที่มีการปรับไปสะท้อนความคาดหวังต่อการดำเนินงานที่ไม่ดีไปแล้ว คงยอดขายเป็น 131,774 ลบ. -5% y-y อัตรากำไรขั้นต้นคงเดิมที่ 18.8% แต่ปรับค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มเป็น 14.2%
ขณะที่การเริ่มใช้ภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำ 15% ตามเกณฑ์ของ OECD – Global minimum Tax ซึ่งคาดว่า TU จะได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบัน อัตราภาษีจ่ายสุทธิของ TU อยู่ที่เพียง 8% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายกำหนดที่ 15% คงประมาณการกำไรกำไรสุทธิ 4,157 ลบ. -17% y-y ราคาเหมาะสม 11.20 บาท/ หุ้น และคงแนะนำ “ถือ” ไว้ตามเดิม
“แม้คาดการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และเริ่มเห็นการฟื้นตัวของการดำเนินงานตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แต่แนะขอรอดูผลเจรจาเรื่องภาษีก่อนว่าจะออกมาในรูปแบบใด ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายบน P/E25E 10.4 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต และคาดผลตอบแทนเงินปันผลราว 5.3% แต่ปัจจัยเงินบาทแข็งค่าและโครงการหุ้นซื้อคืนสิ้นสุดลงแล้ว ปัจจัยประคองราคาหุ้นอาจน้อยลง กลยุทธ์การลงทุน รอความชัดเจนจากมาตรการภาษีซึ่งอาจเป็นจุดเปลี่ยนต่อกลุ่มนี้อีกครั้ง ”







