ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 400 จุด S&P 500 ทรงตัว นักลงทุนขายหุ้นเทคฯ

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 400 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดทรงตัวในวันอังคาร วันเริ่มต้นไตรมาสใหม่ นักลงทุนหันเหออกจากกลุ่มเทคโนโลยี เข้าซื้อกลุ่มดูแลสุขภาพแทน
ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร (1 ก.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่ง 400 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดทรงตัววันอังคาร วันเริ่มต้นไตรมาสใหม่ นักลงทุนหันเหออกจากกลุ่มเทคโนโลยี
นักลงทุนยังจับตาดูความคืบหน้าล่าสุดจากร่างกฎหมายลดภาษีและการใช้จ่ายครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ รวมถึงความเห็นของเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ
ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,198.01 จุด ลดลง 0.11% ขณะที่ดัชนี Nasdaq Composite ปิดที่ 20,202.89 จุด ลดลง 0.82% แต่ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ซึ่งเป็นหุ้นชั้นนำเป็นหุ้น เพิ่มขึ้น 400.17 จุด หรือ 0.91% ปิดที่ 44,494.94 จุด
นักลงทุนเทขายหุ้นของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Nvidia และ Microsoft
และเลือกที่จะซื้อหุ้นของบริษัทดูแลสุขภาพแทน ทำให้ราคาหุ้น Amgen และ UnitedHealth พุ่งขึ้นมากกว่า 4% ในขณะที่หุ้นของMerck และ Johnson & Johnson พุ่งขึ้นมากกว่า 3% และประมาณ 2% ตามลำดับ ส่งผลให้ดัชนี Dow ซึ่งมีหุ้นอยู่ 30 ตัวพุ่งขึ้น
นับเป็นการพลิกกลับจากการฟื้นตัวของตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีในไตรมาสที่ 2 โดยกองทุนรวมดัชนีอีทีเอฟ Technology Select Sector SPDR Fund (XLK)
พุ่งขึ้นเกือบ 23% ในช่วงเวลาดังกล่าว แต่ลดลง 0.9% เมื่อเริ่มต้นไตรมาสที่ 3
“ในช่วงสองเดือนสุดท้ายของไตรมาสนี้ นักลงทุนเปิดรับความเสี่ยงสูงมาก เป็นเรื่องการซื้อหุ้นที่มีปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง เช่น AI และเทคโนโลยี” แอนโทนี แซ็กลิมเบเนหัวหน้านักกลยุทธ์ตลาดของ Ameriprise กล่าว “ผมคิดว่าเราได้หมดเวลาซื้อขายนั้นแล้ว”
วุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายลดภาษีและงบประมาณรายจ่าย
ขณะที่ หุ้นผู้ผลิตยานยนต์ไฟฟ้า Tesla ร่วงลง 5% หลังจากที่ทรัมป์โพสต์ลงบน Truth Social ว่า กระทรวงเพิ่มประสิทธิภาพรัฐ (DOGE) ควรทบทวนเงินอุดหนุนจากรัฐบาลที่บริษัทของ อีลอน มัสก์ ซีอีโอ Tesla ได้รับ
มัสก์วิจารณ์ร่างกฎหมายลดภาษีมูลค่าสูงของทรัมป์ โดยเรียกมันว่า “บ้าบิ่นและทำลายล้าง” ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่ใช่ครั้งแรกที่ทรัมป์และมัสก์โต้เถียงกันเรื่องแผนการใช้จ่ายของรัฐบาล เนื่องจากทั้งสองฝ่ายเคยทะเลาะกันมาก่อนหน้านี้
ร่างกฎหมายลดภาษีมูลค่าสูงดังกล่าวผ่านวุฒิสภาในวันอังคารด้วยคะแนนเสียง 51 ต่อ 50 ขณะนี้ร่างกฎหมายดังกล่าวจะส่งกลับไปยังสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งยังคงปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงกฎหมายดังกล่าว
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน พาวเวลยืนยันในระหว่างกล่าวสุนทรพจน์ในงานประชุมสัมมนาของคณะกรรมาธิการธนาคารกลางยุโรปที่โปรตุเกสว่า เฟดน่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในตอนนี้ หากไม่มีการขึ้นอัตราภาษีศุลกากรของทรัมป์ เขาเสริมว่าการเคลื่อนไหวในอนาคตจะขึ้นอยู่กับข้อมูล และไม่ได้ตอบโดยตรงว่า หากจะมีการลดดอกเบี้ยลงในเดือนกรกฎาคมนี้จะถือว่าเร็วไปหรือไม่
“ในทางปฏิบัติ เราหยุดการหารือเมื่อเห็นขนาดของภาษีศุลกากร และคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นอย่างมากอันเป็นผลจากภาษีดังกล่าว” พาวเวลกล่าว
นักลงทุนต่างหวังว่าจะมีข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และคู่ค้า เนื่องจากระยะเวลาการผ่อนผันภาษีศุลกากรสูงสุด 90 วันของทรัมป์จะสิ้นสุดลงในสัปดาห์หน้า
แซ็กคารี ฮิลล์ หัวหน้าฝ่ายจัดการพอร์ตโฟลิโอของ Horizon Investments กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าตลาดคาดหวังอะไร "มาก" ความผันผวนอาจยังคงอยู่
"นักลงทุนเพิ่มการซื้อหุ้นอย่างแน่นอนในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา ดังนั้นผมคิดว่า มีความเสี่ยงที่ตลาดจะปรับตัวลง" เขากล่าวกับซีเอ็นบีซี
หุ้นฟื้นตัวอย่างมาก หลังจากที่ร่วงลงอย่างรวดเร็วในเดือนเมษายน หลังจากนโยบายภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของทรัมป์ผลักดันให้ดัชนี S&P 500 เข้าใกล้เขตภาวะตลาดหมี ค่าดัชนีหลักได้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วตั้งแต่นั้นมา โดยดัชนีตลาดรวมปิดไตรมาสสองพุ่งขึ้น 10.6% และ Nasdaq ทะยานขึ้นเกือบ 18% ในช่วงเวลาดังกล่าว






