EA ลุ้นมติประชุม ‘ผู้ถือหุ้นกู้’ 27 มิ.ย.นี้ หวัง ‘ปลดล็อกธุรกิจ’

EA เปิด 5 ข้อ หาก 27 มิ.ย.68 นี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ 14 รุ่น ไฟเขียว เตรียมเสนอขอปรับเงื่อนไขใหม่เหลือ 7 ปี เพิ่มผลตอบแทน 0.50% หวังธุรกิจพลิกฟื้นเทิร์นอะราวด์
นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA กล่าวว่า ในวันศุกร์ที่ 27 มิ.ย.2568 นี้ บริษัทเตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อให้ผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 14 ชุดทุกราย สามารถเข้าร่วมการประชุมได้ พร้อมจัดการประชุมแบบไฮบริด ทั้งรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ และเข้าร่วมประชุมด้วยตนเอง ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้ ยังใช้การปิดสมุดเดิม เพียงแค่จัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้รอบใหม่ เพื่อเกิดความถูกต้อง และความครบถ้วนขององค์ประชุม ไม่ให้เกิดความกังวลเช่นรอบที่ผ่านมา
ทั้งนี้ วัตถุประสงค์ของการจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อขออนุมัติปรับเงื่อนไขชำระคืนหุ้นกู้ 14 ชุด ครบกำหนดไถ่ถอนเดือนก.ค. 2568 - ม.ค.2576 โดยปรับแผนเลื่อนอายุหุ้นกู้ทั้งหมด 14 รุ่น เหลือ 7 ปี จาก 11 ปี เพิ่มดอกเบี้ยให้ผู้ถือหุ้นกู้ในแต่ละรุ่นอีก 0.5% ต่อปี บริษัทมีความจำเป็นต้องปรับปรุงแผนการชำระหนี้ ทำให้บริษัทสามารถพลิกฟื้นธุรกิจ (Turn Around) ได้อย่างมั่นคง และมีความยั่งยืนทางการเงินในระยะยาว
“การปรับเงื่อนไขหุ้นกู้ดังกล่าว เราได้หารือกับสถาบันการเงินให้เงินกู้ และผู้ถือหุ้นกู้กลุ่มสถาบันเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารกระแสเงินสด รวมถึงมีการสำรวจความเห็นผู้ถือหุ้นกู้รายย่อยบนโซเชียลส่วนหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้เท่านั้น แต่หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ อนุมัติ สําเร็จไปได้ด้วยดี จะถือเป็นการปลดล็อกอีเอทั้งในส่วนของหุ้นกู้ทุกรุ่นไม่มีความเสี่ยงดีฟอลต์ และเรื่องอื่นๆ ด้วย โดยบริษัทไม่ต้องเข้าแผนฟื้นฟู
ซึ่งภายหลังจากการดำเนินการครั้งนี้ บริษัทจะมีกระแสเงินสดที่มั่นคงมากขึ้น มีความยืดหยุ่นในการลงทุน นำไปสู่การเติบโตในระยะยาวต่อไป ซึ่งได้เตรียมแถลงแผนการดำเนินงานในเดือนส.ค.หรือ ก.ย.นี้”
ทั้งนี้ กรณีผู้ถือหุ้นกู้มีมติ “อนุมัติ” ภายใต้เงื่อนไขดังนี้
1.ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 0.5% จากอัตราดอกเบี้ยเดิม สำหรับหุ้นกู้ทุกรุ่นที่มีการปรับโครงสร้างการชำระหนี้โดย อัตราดอกเบี้ยใหม่จะมีผลนับตั้งแต่วันที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้มีมติอนุมัติ
2.ครบกำหนดไถ่ถอนภายใน 7 ปี นับจากวันครบกำหนดเดิม เช่น หุ้นกู้รุ่น EA269A ครบกำหนดไถ่ถอน วันที่ 29 ก.ย.2569 จะได้รับเงินต้นงวดแรก วันที่ 29 ก.ย.2570
3.ผู้ถือหุ้นกู้จะได้รับการผ่อนชำระคืนเงินต้นเป็นรายปี ตลอดช่วงระยะเวลาที่ขยายออกไป
4.หากบริษัทมีการจ่ายเงินปันผล บริษัทจะนำเงินจำนวนเท่ากัน มาไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนด มาตรการนี้จะคงอยู่จนกว่ายอดหนี้หุ้นกู้จะลดลงต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท หลังจากนั้นบริษัทจึงจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ตามปกติ
5.ผู้ถือหุ้นกู้อาจได้รับเงินคืนก่อนครบกำหนด (Call Option) ในกรณีที่บริษัทสามารถระดมทุนได้เพิ่มเติม หรือมีรายได้มากกว่าประมาณการ บริษัทสามารถพิจารณาไถ่ถอนหุ้นกู้บางส่วนก่อนครบกำหนดได้
นายวสุ กล่าวว่า ความจำเป็นที่เราต้องปรับเงื่อนไขหุ้นกู้ทั้ง 14 รุ่น ซึ่งเป็นทางรอดสุดท้าย หลังจากเมื่อต้นปีมานี้ ผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้เพิ่มทุนเข้ามาแล้ว และผู้ถือหุ้นได้ให้การสนับสนุนมาโดยตลอด
แต่เนื่องจากปัจจุบัน หนี้สินหมุนเวียน และหนี้สินระยะยาวโดยรวมของบริษัทบ่งชี้ว่ามีภาระผูกพันในการชำระหนี้จำนวนมาก โดยเฉพาะในปี 2569 ซึ่งภาระการชำระหนี้ทั้งหมดคาดว่าจะสูงถึงประมาณ 15,000 ล้านบาท สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดทางการเงินที่สำคัญ ซึ่งประกอบด้วยการชำระคืนเงิน กู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน เงินกู้ยืมร่วม หุ้นกู้ และดอกเบี้ยจ่ายที่เกี่ยวข้อง
เนื่องจากหนี้สินคงค้างอยู่ในระดับสูง คาดว่า EBITDA จะยังคงต่ำกว่าหนี้สินรวมในช่วงปี 2568-2572 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยในช่วงปี 2568-2571 คาดว่าจะเกิน 1 พันล้านบาทต่อปี แม้ว่าคาดว่าจะค่อยๆ ลดลงเมื่อเวลาผ่านไป
ดังนั้น เมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานทางการเงินในปัจจุบัน แม้ว่าบริษัทจะยังคงสร้าง EBITDA เชิงบวก แต่ก็เพียงพอที่จะครอบคลุมการจ่าย ดอกเบี้ยทั้งหมด และครอบคลุมการชำระคืนเงินต้นของหนี้ระยะยาว และหุ้นกู้บางส่วน สถานการณ์นี้ทำให้เกิดความท้าทายต่อสภาพคล่องของบริษัท และอาจจำเป็นต้องจัดหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติมเพื่อรองรับภาระหนี้ในอนาคต ไม่เช่นนั้น กรณีเลวร้ายที่สุด บริษัทอาจจะมีความจำเป็นต้องเข้าแผนฟื้นฟู และต้องใช้เวลา 5-6 ปี ทยอยชำระคืนหนี้หุ้นกู้
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







