โบรกลุ้น ‘หุ้นไทย’ พุ่ง 1,110 จุด ‘สงครามอิสราเอล-อิหร่าน’ คลี่คลาย แรงชอร์ตเซลลด

“หุ้นไทย” ปิดวานนี้พุ่งแรง 37 จุด หลังสถานการณ์ความขัดแย้ง “อิสราเอล-อิหร่าน” คลี่คลายลง ประกอบกับปริมาณการชอร์ตเซลลดลงอย่างมีนัยสำคัญ “บล.เอเซียพลัส” มองศึกนอกคลายปมร้อน ดันหุ้นไทยเด้งแรงเปิดแนวต้าน 1,110 จุด รอปมการเมืองไทย-เจรจาภาษีทรัมป์- ขัดแย้งกัมพูชา ปลดล็อกได้เป็นขาขึ้นต่อ “บล.กสิกรไทย” หลังดัชนีฯ ฟื้นตัว อาจแกว่งตัวกรอบ 1,085-1,110 จุด ลุ้นปัจจัยใหม่ “บล. ทิสโก้” รับตลาดรีบาวนด์ รับตะวันออกกลางคลี่คลาย
ความเคลื่อนไหว “ดัชนีหุ้นไทย” วานนี้ (24 มิ.ย.2568) ปิดตลาดพุ่ง 37.23 จุด อยู่ที่ 1,100.01 จุด หรือ 3.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของวัน ด้วยมูลค่าการซื้่อขาย 52,840.04 ล้านบาท โดยพบว่า “สถาบัน” (กองทุน) ซื้อสุทธิ 1,289.27 ล้านบาท “บริษัทหลักทรัพย์” (บล.) ซื้อสุทธิ 1,662.18 ล้านบาท “ต่างชาติ” ซื้อสุทธิ 240 ล้านบาท ขณะที่ “ในประเทศ” (รายย่อย) ขายสุทธิ 3,191.45 ล้านบาท หลังสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านคลี่คลายขึ้น
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม กรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า หุ้นไทยปรับขึ้นแรง 37 จุดวานนี้ ปัจจัยหลักๆ ได้รับแรงหนุนหลักมาจากสัญญาณหยุดยิงในตะวันออกกลางระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ทำให้ความกังวลด้านภูมิรัฐศาสตร์คลี่คลายลง ถือเป็นเรื่องค่อนข้างเซอร์ไพร์ส จากบรรยากาศวันก่อนหน้าที่ถูกมองภาพในทางลบทั้งหมด และเหมือนไม่มีทางออกได้เลย รวมถึงมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากปริมาณการชอร์ตในตลาดหุ้นไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าจากวอลุ่มมีสัดส่วนที่ถูก ช็อตเซลราว 7%
อย่างไรก็ดี สถานการณ์ที่ผ่อนคลายมากขึ้นวานนี้ ทำให้เริ่มเห็นกรอบแนวต้าน ที่ระดับ 1,110 จุด แต่ยังต้องติดตามหลายปัจจัยที่ใกล้จะถึงเร็วนี้และรอความชัดเจนทั้งการเมืองในประเทศ การเจรจาภาษีการค้าสหรัฐกับไทย และความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา โดยยังคงแนวรับเดิมไม่ควรหลุดที่ระดับ 1,050-1,060 จุด
ดังนั้น แนะกลยุทธ์ลงทุน ช่วงนี้ดัชนีฯ ขยับขึ้นใกล้แนวต้าน 1,100-1,110 จุด มองเป็นโอกาสขายทำกำไรบางส่วนระยะสั้นได้ พร้อมกับรอติดตามสถานการณ์ให้ชัดเจน หากสามารถปลดล็อกคลี่คลายไปได้ด้วยดี น่าจะมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยเป็นขาขึ้นได้ แต่หากสถานการณ์ดังกล่าวยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง ดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวไซด์เวย์บริเวณเดิม ส่วนการการประชุม กนง.วันนี้คาดคงดอกเบี้ย 1.75% จับตามุมมองเศรษฐกิจและแนวโน้มดอกเบี้ย รอการประชุมถัดไป 13 ส.ค. มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ลงสู่ระดับ 1.50% หรือไม่
นายรัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบวกแรงวานนี้มองเป็นการฟื้นตัวตามสถานการณ์การความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ดูลดความรุนแรงลง บนข่าวประธานาธิบดี "โดนัลด์ ทรัมป์" ที่ออกมาประกาศอิสราเอลและอิหร่านได้ตกลงที่จะหยุดยิง หลังทั้งสองฝ่ายมีการปฏิบัติการโจมตีทางอากาศนานรวมกว่า 12 วัน
นอกจากนี้ ความกังวลเรื่องการเมืองในประเทศก็ดูคลี่คลายอย่างน้อยในช่วงสั้น เนื่องจากพรรคร่วมรัฐบาลต่างยังให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อในการนำรัฐบาลเพื่อบริหารประเทศ ส่งผลให้ความกังวลลดลงบนเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาล รวมถึงผลกระทบที่อาจทำให้การพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณประจำปี 2569 ล่าช้า
โดยประเมินหุ้นไทยได้ฟื้นตัวแรง หลังแตะระดับจิตวิทยา ณ 23 มิ.ย.2568 ที่ราว 1,050-1,055 จุด เทียบเท่าระดับอัตราส่วน PB ที่ 1.0x ซึ่งให้ส่วนลดถึง -2SD จากค่าเฉลี่ยระยะยาว เมื่อบรรยากาศการลงทุนกลับมาเป็นบวก ความกังวลการเมืองทั้งในและต่างประเทศคลี่คลาย ดัชนีจึงฟื้นตัวแรงและปรับตัวขึ้นมาปิดช่องที่กระโดดลงมาก่อนหน้าจากเรื่องการเมืองที่ระดับราว 1,095 จุด พร้อมประเมินหลังจากดัชนีฯ อาจแกว่งตัวในกรอบ 1,085-1,110 จุด เพื่อรอพิจารณาปัจจัยใหม่
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล. ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดกลับมารีบาวด์ได้ หลังจากมองความขัดแย้งตะวันออกกลางอาจจะจบลง ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดโดยรวม อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนว่าสงครามจะยุติลงอย่างถาวรหรือไม่ หรืออาจเป็นเพียงช่วงเวลาหยุดพักเพื่อสะสมกำลังหรือเติมอาวุธเช่นเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับกลุ่มฮามาสที่บางครั้งก็กลับมายิงอีกครั้งแม้จะประกาศหยุดยิงไปแล้ว
ส่วนสถานการณ์ทางการเมืองในไทยมีความชัดเจนมากขึ้นในระดับหนึ่ง โดยรัฐบาลน่าจะยังคงอยู่ต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามเรื่องของคดีความต่าง ๆ ที่จะมีความคืบหน้ามากขึ้นในเดือนหน้า
นอกจากนี้ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง.จะมีขึ้นในวันที่ 25 มิ.ย.2568 คาดว่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน แต่ก็มีโอกาสที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้







