‘เคทีซี’ ยัน ‘กรุงไทย’ ถือหุ้นครบ ราคาดิ่งฟลอร์คาดถูกฟอร์ซเซล

“เคทีซี” แจงราคาหุ้นร่วงติดฟลอร์ 15.11% ส่วนหนึ่งถูก “ฟอร์ซเซล” จากการนำหุ้นไปวางค้ำประกัน แต่ยืนยันผู้ถือหุ้นใหญ่ “กรุงไทย” ไม่ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้น “บล.ยูโอบี เคย์เฮียน” เผยมีบิ๊อกล็อต “หุ้นเคทีซี” 1 ล้านหุ้น ลั่นไม่น่าจะเป็นปัจจัยลบทำราคาดิ่งหนัก
ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC วานนี้ (23 มิ.ย.2568) ปรับตัวร่วงติดฟลอร์ 15.11% อยู่ที่ 29.50 บาท โดยระหว่างวันราคาสูงสุดอยู่ที่ 34.25 บาท
นางสาวอภิศมา ณ สงขลา ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายบริหารเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ (Treasury & Investor Relations Division) บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC เปิดเผยว่า กรณีราคาหุ้น KTC ที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานของบริษัท หรือผลการดำเนินงานของบริษัท เนื่องจากผลการดำเนินงานรวมของบริษัทยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ดังนั้น ราคาหุ้น KTC ที่ปรับลดลง ไม่เกี่ยวข้องกับผลประกอบการของบริษัท แต่สาเหตุหลักน่าจะมาจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับเชิงเทคนิค ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของผลการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมาจากประเด็น Forced Sell หรือการบังคับขายหุ้น ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ที่นำหุ้นของ KTC ไปวางค้ำประกันไว้ และเมื่อราคาหุ้นในตลาดโดยรวมปรับตัวลดลง ทำให้เกิดการถูกบังคับขายหุ้น (forced sell) ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ณ ปัจจุบันพบว่า KTC มีมูลค่าหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้าทั้งหมดต่อมูลหนี้ อยู่ในสัดส่วน 16.30%
ทั้งนี้ ยืนยันว่ายังไม่พบว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายใดขายหุ้น KTC ออกมา โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นใหญ่ คือธนาคารกรุงไทย (KTB) ที่ยังไม่มีการลดสัดส่วนการถือครองหุ้น KTC ส่วนผู้ถือหุ้นอื่นๆ นั้น การซื้อขายหุ้นคงให้เป็นไปตามการพิจารณาของแต่ละบุคคล
ด้านผลการดำเนินงานยังถือว่าเป็นตามเป้าหมายของบริษัท โดยเฉพาะ 2 เป้าสำคัญ คือ ในด้านของคุณภาพสินทรัพย์ หรือ Portfolio Quality ที่บริษัทยังคงสามารถรักษาและบริหารจัดการคุณภาพพอร์ตสินเชื่อไว้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยบริษัทยังไม่เห็นสัญญาณการเสื่อมถอยหรือคุณภาพพอร์ตที่แย่ลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยการบริหารคุณภาพหนี้ (เอ็นพีแอล) คาดสิ้นปียังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไม่เกิน 2% อีกเป้าหมาย คือการทำผลการดำเนินงานให้เติบโตต่อเนื่อง หากเทียบกับปีก่อนหน้านี้ ที่มั่นใจว่า จะสามารถเติบโตได้มากขึ้น
นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า หุ้น KTC ปรับตัวลงมาแรงมากวานนี้ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากอะไรที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงมาแรง ซึ่งปริมาณการซื้อขาย Big Lot แค่ 1 ล้านหุ้น และราคาก็ต่ำกว่ากระดานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงมาแรงได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมาหุ้นหลาย ๆ ตัวมีการหลุดออกจากดัชนีสำคัญ ๆ ค่อนข้างมา รวมถึงหุ้น KTC เช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันที่เคยถือครองไว้ก่อนหน้าก็อาจจะมีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงมาก ซึ่งเป็นกลไกตรงกันข้ามกับรอบที่เป็นขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่ราคาหุ้น และผลประกอบการมีการเติบโต และทำให้หุ้นนั้น ๆ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ได้รับการถูกนำไปคำนวณในดัชนีต่าง ๆ ก็ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้ามา







