ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 มิ.ย.) ลบ 4.85 จุด กังวลอิหร่านปิดช่องแคบ 'ฮอร์มุซ'

ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 มิ.ย.) หุ้นไทย ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,062.78 จุด ลดลง 4.85 จุด หรือ 0.45% "นักวิเคราะห์" ชี้ หุ้นไทยปรับตัวลงต่อเนื่องเพราะนักลงทุนยังจับตาปัจจัย "สู้รบตะวันออกกลาง" ที่อาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งทะลุ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจากการปิดช่องแคบฮอร์มุซ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (23 มิ.ย.) หุ้นไทย ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,062.78 จุด ลดลง 4.85 จุด หรือ 0.45% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,067.88 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,053.79 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 32,385.14 ล้านบาท
หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- ADVANC ราคาปิด 274.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท หรือ 1.86% มูลค่าซื้อขาย 2,227.37 ล้านบาท
- PTTEP ราคาปิด 111.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.91% มูลค่าซื้อขาย 1,780.67 ล้านบาท
- TRUE ราคาปิด 10.40 บาท คงที่ 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,727.60 ล้านบาท
- CPALL ราคาปิด 43.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 1.76% มูลค่าซื้อขาย 1,500.55 ล้านบาท
- AOT ราคาปิด 29.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท หรือ 2.65% มูลค่าซื้อขาย 1,383.60 ล้านบาท
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย ปรับตัวลง โดย ดัชนีหุ้นไทย ทำจุดต่ำสุดที่ระดับ 1,053 จุด ซึ่งใกล้เคียงกับแนวรับที่วิเคราะห์ไว้ที่ 1,050 จุด การปรับตัวลงครั้งนี้เป็นไปตามคาด เนื่องจากตลาดมีการกระแทกลงมาทดสอบจุดต่ำเดิมที่เคยเกิดขึ้นช่วงต้นเม.ย.ที่ระดับ 1,056 จุด ก่อนจะมีการดึงตัวกลับขึ้นมาบ้างในช่วงบ่าย
การลดลงของตลาดหุ้นไทยวันนี้มีสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะประเด็นความเสี่ยงปิดช่องแคบฮอร์มุซที่อาจส่งผลต่อราคาน้ำมัน รวมทั้งมาตรการควบคุมของภาครัฐยังทำให้ตลาดขาดความเชื่อมั่น โดยเฉพาะการใช้ Circuit Breaker ที่ทำให้หุ้นหลายตัวติดฟอร์มลบ 15%
สำหรับวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) ประเด็นสำคัญที่ต้องจับตาคือสถานการณ์ในตะวันออกกลางและผลกระทบต่อราคาน้ำมัน หากมีการปิดช่องแคบฮอร์มุซจริง คาดว่าราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นแรงและตลาดจะมีความกังวลเพิ่มขึ้น แต่หากสถานการณ์ไม่รุนแรงเท่าที่คาด ตลาดอาจมีโอกาสฟื้นตัวได้ ในระยะสั้น ตลาดยังคงแกว่งในกรอบและยังอยู่ในโซนลบ
ในช่วงนี้แนะนำให้นักลงทุนระมัดระวังและไม่รีบเข้าลงทุน แม้ว่าราคาหุ้นหลายตัวจะดูถูกแล้ว แต่ตลาดยังขาดความเชื่อมั่นและอาจมีแรงขายต่อเนื่อง โดยเฉพาะหุ้นที่มีการบังคับขาย (Forced Selling) จำนวนมาก ควรรอให้สถานการณ์ความไม่แน่นอนลดลงและมีปัจจัยบวกจากเทรนด์ต่างประเทศและการเมืองไทยก่อนจะกลับเข้าลงทุน ปัจจุบันยังเป็นช่วงที่ต้อง "ต่อรองราคา" มากกว่าการลงทุนแบบ All In







