ตลท. เดินหน้าลุยดันแวลูหุ้นไทย เปิดตัว"Jump+"26 มิ.ย. พลิกสตอรี่ลงทุน

ปัจจัยลบเข้ามาสะท้อนไปที่ความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก หากการลงทุนเผชิญภาวะดังกล่าวสามารถลดพอร์ตและชะลอเพื่อรอความชัดเจน พร้อมกระจายความเสี่ยง แต่ การพัฒนาตลาดทุนไทยกลับไม่สามารถอาศัยจังหวะชะลอและรอดูสถานการณ์ไว้ก่อนได้ แต่ต้องพัฒนาต่อเนื่องเพื่อพร้อมรับกับทุกโอกาสและจังหวะการลงทุน
ปัญหาใหญ่และมีการเรียกร้องคือ “สภาพคล่องลดลง” และอยากเห็น “แวลูหุ้นไทยเพิ่มขึ้น” ซึ่ง "ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์“ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ”อัสสเดช คงสิริ" กรรมการและผู้จัดการ ตลท. เปิดใจและแนวทางปฎิบัติจริงเพื่อ “เรียกเสน่ห์หุ้นไทย”
"ศาสตราจารย์พิเศษกิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์“
@ ปัญหาสภาพคล่องปรับตัวลดลง
คุยกันหนักในบอร์ด จากความกังวลกระทบทุกภาคส่วน ด้วยปัจจัยภายนอกมีผลมากเกิดความไม่เชื่อมั่น ภาษีของสหรัฐต่อด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหว ล่าสุดสงครามอิสราเอลและอิหร่าน ซึ่งเป็นช่วงที่เรียกว่า Perfect Storm แต่ตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างจะพร้อมในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ มีการพยายามปรับโครงสร้างภายในบ้านให้ดีขึ้น หาสินค้าใหม่เข้ามาเป็นทางเลือกลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถเกิดผลทันที แต่เป็นงานต้องทำต่อเนื่อง
@มาตรการลดความผันผวนราคาหุ้น
ปัจจุบันการกระทำความผิดไม่ได้มากแต่ การตรวจสอบและรายงานของตลท. เร็วขึ้นแน่นอนเชื่อว่ามาจาก “ความเกรงกลัวมาตรการและการตรวจจับที่รวดเร็วขึ้น” ทำให้มาตรการที่ออกมาเอาอยู่ ยิ่งมีกฎหมายก.ล.ต. เป็นพนักงานสอบสวน "ยิ่งเกรงกลัว" ซึ่งมีหลายเคสที่ดำเนินการอย่างรวดเร็ว แต่ชัดเจนเพราะหลักฐานข้อมูลต้องใช้ในชั้นศาลด้วย ดังนั้นนอกจากนำระบบ AI มาใช้ตรวจจับแล้วต้องมีบุุคลากรทำงานให้รวดเร็วและชัดเจน
@ มาตรการเพิ่มแวลูหุ้นไทย “Jump+”
ประเด็นสำคัญทุกมาตรการต้องทำได้เร็ว อย่าง Jump+ ที่เดินหน้า ด้านสิทธิประโยชน์อยู่ระหว่างการพูดคุยจะเป็นรูปแบบไหน เช่น ส่วนเกินประมาณการณ์โครงการ Jump+ สามารถยกเว้นภาษี หรือ ยกเว้นภาษีเงินปันผล แต่โครงการต้องเดินหน้าไปก่อนให้เห็นเป็นรูปธรรมเพราะผลประโยชน์มากสุดคือแวลูบริษัทเพิ่ม บริษัทและผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์ หรือ โครงการ TISA คือการออมจากการลงทุนของผู้มีรายได้ แต่สามารถซื้อขายระหว่างปี ทางก.ล.ต. นำผลการศึกษารวบรวมเพื่อเสนอทางคลัง เพื่อหารือสิทธิประโยชน์ทางภาษี จากวงเงินที่มีอยู่ที่ RMF-ThaiESG เบื้องต้นตามข้อเสนอน่าจะได้รับการสนับสนุน ซึ่งขั้นตอนจะประมาณ 6 เดือน ภายใต้ระบบพร้อมและเดินหน้าได้จะมีกลุ่มนักลงทุนหน้าใหม่เพิ่มขึ้น
@ หุ้นไทยรอวันฟื้นตัว
ความท้าทายวันนี้ไม่รู้ว่าความไม่แน่นอนหรือวิกฤตจะยาวนานแค่ไหน แต่ตลท.จะไม่หยุดที่จะปรับโครงสร้าง ทำ Infrastructure ให้พร้อมและทันสมัย การแก้กฎหมาย-กฎเกณฑ์ ก็เป็นส่วนหนึ่ง หาสินค้าใหม่ ๆ เป็นอีกด้าน ซึ่งการลงทุนไม่จำเป็นต้องลงทุนไทยหุ้นไทยตลอด เพราะ "สามารถกระจายความเสี่ยงได้แต่ เสน่ห์หุ้นไทยไม่ได้หายไป" ระหว่างทางย่อมมีความผันผวนราคาขึ้น ๆ ลง ๆ แต่ถ้าลงทุนด้วยความมั่นใจในบริษัทที่มีพื้นฐานดีเชื่อว่าในระยะยาวให้ผลตอบแทนที่ดีกับท่านนักลงทุนที่แทนที่จะเอาเงินไปฝากเฉย ๆ
ดังนั้นข้อมูลและความรู้ของนักลงทุนสำคัญมาก ตลท.ก็มีหน้าที่ให้ข้อมูลให้ครบถ้วนเพื่อนำไปวิเคราะห์ลงทุน ยิ่งบริษัทขนาดกลางที่อาจไม่ได้อยู่ในความสนใจนักลงทุน หากเข้าร่วม Jump +ก็เป็นวิธีที่สามารถนำเสนอข้อมูลที่ชัดเจนให้กับนักลงทุน
”อัสสเดช คงสิริ"
@ สภาพคล่องปรับตัวลดลง
บอร์ดกังวลและคุยกันหนักดูสาเหตุและแก้ไขได้อย่างไร เพราะมีหลายปัจจัยรบกวนตลาดหุ้นทั่วโลกมีการวิเคราะห์ว่าสภาพคล่องหายไปในกลุ่มไหนบ้าง ปรากฎพบว่า เกิดกับทุกกลุ่ม ต่างชาติ 50 % รายย่อย 30% และกองทุน – สถาบัน 10 % สัดส่วนยังเท่าเดิมแต่สภาพคล่องลดลงมาจากหลายปัจจัยเพราะนักลงทุนหากเห็นความไม่ชัดเจนจะชะลอและนำเงินไปพักการลงทุนไว้ในสินทรัพย์อื่นๆ
ประเทศไทยมีประเด็นเจรจาภาษีกับสหรัฐที่ยังไม่ชัดเจน เสียงสะท้อนนักลงทุนต่างประเทศ ที่พูดถึงการเติบโตบจ. สิ่งหนึ่งที่นักลงทุนพูดเป็นเสียงเดียวชอบนโยบายที่ภาครัฐประกาศออกมา น่าตื่นเต้น น่าสนใจ เพียงแต่ “อยากให้เกิดขึ้นจริง” เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นสามารถวิเคราะห์ลงทุนได้
@มาตรการลดความผันผวนราคาหุ้น
อย่างแรกความผิดปกติการซื้อขายและส่งต่อในสำนักงานก.ล.ต. ตรวจสอบถือว่าน้อยลงชัดเจน ซึ่งอีกด้านที่ทำเยอะคือการให้ “ บจ.ชี้แจงข้อมูลต่อนักลงทุน” เพราะในฐานะด่านแรก ตลท. เห็นข้อมูลนำมาวิเคราะห์ และตักเตือนเพื่อส่งไปยังนักลงทุนให้รวดเร็วขึ้น พอเจอบ่อยการกระทำดังกล่าวก็น้อยลง ยิ่งกลไกการซื้อขายดีทำให้การลงทุนดีขึ้นเป็นการสร้างโอกาสให้ทุกคนยิ่งเฉพาะในช่วงนี้
บทบาทสำคัญของตลาดหลักทรัพย์ก็คือเรื่องข้อมูลให้นักลงทุนได้ทราบ เพื่อประกอบประกอบการตัดสินใจการลงทุน ให้รวดเร็ว เหมาะสม และเท่าเทียม ซึ่งวันนี้เน้นที่ตรวจสอบแต่ยังไม่ได้ตรวจจับ จนต้องพบก่อนว่าผิดปกติแล้วไล่ลำดับขึ้นมาควรจะตักเตือนมั้ย หรือนักลงทุนควรจะได้รับข้อมูลในประเด็นนี้ เพิ่มขึ้นหรือเปล่า สอบถามไปที่บริษัทช่วยอธิบายให้ข้อมูลมีความครบถ้วนมากขึ้น
@ มาตรการเพิ่มแวลูหุ้นไทย “Jump+”
โครงการ Jump+ มีเป้าหมายบจ.เข้ามา 50-100 บริษัทแต่ไม่ใช่โครงการภาคบังคับเป็นการสมัครใจ จากการพูดคุยกับผู้บริหาร บจ. มีความสนใจเพราะเป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้ว จากเดิมกล่าวถึงแผนภาพกว้างแต่โครงการนี้แผนจะมีความชัดเจนทำอะไร ลงทุนอะไร เป้าหมายกำไร ROE และนำเสนอต่อผู้ลงทุน มีนักวิเคราะห์มาประเมินทำให้นักลงทุนในและต่างประเทศเห็นว่าโตอย่างไร
การศึกษามาจากตัวอย่างจากญี่ปุ่น -เกาหลี ปรับโครงการให้เหมาะสมกับตลาดหุ้นไทย แล้วตั้งชื่อว่า "Jump หมายถึงการก้าวกระโดดไปข้างหน้า" เพราะต้องการให้บจ.ไทย กลับมามุ่งเน้นการลงทุนเพื่อเพิ่มมูลค่าของตัวเอง แต่ข้อสำคัญ คือต้อเปิดเผยข้อมูลให้นักลงทุนทราบชัดเจนเลยว่า 3 ปีข้างหน้าจะลงทุนอะไร
“ผู้บริหารไม่ได้มองว่าต้องได้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นอันดับแรก แต่แผนที่ทำอยู่แล้วได้เปิดให้นักลงทุนทราบและมีเวทีให้โชว์ การวิเคราะห์และมีที่ปรึกษาการทำแผนไปด้วย เพราะต้องผ่านบอร์ดให้รับทราบและรับผิดชอบก่อนเสนอต่อนักลงทุน เบื้องต้นคาดว่าจะเป็นบจ.ขนาดกลางที่ต้องการอยู่ในสายตานักลงทุน”
@ หุ้นไทยรอวันฟื้นตัว
วันนี้ตลาดหุ้นมีโอกาสเพราะหุ้นดีมีอยู่เยอะ รอการฟื้นตัวของราคาหุ้น เพราะพื้นฐานไม่ได้เปลี่ยนแปลง รวมทั้งนักลงทุนยุคนี้ไม่จำเป็นจำกัดแต่หุ้นไทยสามารถกระจายการลงทุนได้ เพียงแต่ หุ้นดีไม่ได้หายไปไหน ฐานะการเงินยังแข็งแรงไม่ได้มีหนี้ล้นพ้นไม่ได้อยู่ในวิกฤติ เพียงแต่ต้องสร้างมูลค่าเพิ่มให้เห็น เกิดโครงการ Jump+ ทำให้เป็นข้อดีจำกัดการลงยิ่งมีการจ่ายปันผลสูงน่าสนใจ







