หุ้น KTC ดิ่งแรง 14.39% โบรกเผยยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ คาดสถาบันลดถือครองหลังหลุดดัชนีสำคัญ

หุ้น KTC ดิ่งแรง 14.39% โบรกเผยยังหาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ คาดสถาบันลดถือครองหลังหลุดดัชนีสำคัญ หลังภาวะเศรษฐกิจผันผวน มูลค่าการซื้อขายลดลง
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 23 มิ.ย.2568 เวลา 11.00 น. หุ้น KTC ปรับตัวลงแรง 14.39% ลดลง 5.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 29.75 บาท
กิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า หุ้น KTC ปรับตัวลงมาแรงมากในวันนี้ ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดขึ้นจากอะไรที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงมาแรง ซึ่งปริมาณการซื้อขาย Big Lot แค่ 1 ล้านหุ้น และราคาก็ต่ำกว่ากระดานเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้หุ้นปรับตัวลงมาแรงได้
ทั้งนี้ ในช่วงที่ผ่านมา หุ้นหลาย ๆ ตัวมีการหลุดออกจากดัชนีสำคัญ ๆ ค่อนข้างมา รวมถึงหุ้น KTC เช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันที่เคยถือครองไว้ก่อนหน้าก็อาจจะมีการปรับลดน้ำหนักการลงทุนลงมา ซึ่งเป็นกลไกตรงกันข้ามกับรอบที่เป็นขาขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ที่ราคาหุ้น และผลประกอบการมีการเติบโต และทำให้หุ้นนั้น ๆ มีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ได้รับการถูกนำไปคำนวณในดัชนีต่าง ๆ ก็ทำให้มีแรงซื้อจากนักลงทุนสถาบันเข้า
แต่ทว่าเมื่อปรากฎการณ์ผลประกอบการเริ่มไม่ค่อยสดใส ราคาหุ้นปรับตัวลง จึงหลุดดัชนีต่าง ๆ และทำให้เกิดการปรับลดน้ำหนักของนักลงทุนสถาบัน รวมถึง หุ้น KTC ก่อนหน้านี้ถูกโดนถอดออกจากดัชนี MSCI Blobal Index บวกกับในสถานะที่หุ้นไม่ได้มีปริมาณการซื้อขายมาก ๆ ทำให้มีโอกาสสร้างผลกระทบในเชิงมูลค่าได้ค่อนข้างมาก
"ยังไม่แน่ใจถึงเหตุผลหลัก ๆ ว่า หุ้นปรับตัวลงมาเพราะอะไร แต่การหลุดจากดัชนีต่าง ๆ ก็ถือเป็นสาหตุหนึ่งที่กดดันราคาหุ้น"
ทั้งนี้ ในภาพรวมของหุ้นจะเห็นถึงความเคลื่อนไหวผันผวนมากกว่าหุ้นหลาย ๆ ตัว โดยที่ยังหาคำอธิบายในเชิงปัจจัยพื้นฐานไม่ได้แบบตรง ๆ และสิ่งที่เกิดขึ้นในหุ้นหลาย ๆ ตัวไม่ใข่เฉพาะ KTC การที่ตลาดให้พรีเมียมการซื้อขายในหุ้นหลาย ๆ ตัวลดลง ซึ่งในอดีตอาจจะเคยเห็นหุ้นหุ้นบางตัวที่เคยซื้อขายกันที่ P/E 30 เท่า วันนี้อาจเหลือเพียง 12-15 เท่า ซึ่งก็มาจากหลายปัจจัยทำให้เม็ดเงินในตลาดลดน้อยลง เพราะฉะนั้นในภาพเช่นนี้ก็ทำให้หุ้นหลายตัวเกิดการซื้อขายที่ P/E ที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่นักลงทุนจะทำการคัดเลือกหุ้น ต้องดูว่าหุ้นในเรื่องของผลตอบแทนเงินปันผล เพราะด้วยสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ยังมีความผันผวน ทำให้ผบประกอบการอาจจะไม่ได้เติบโตมากนัก และช่วงระยะสั้น ๆ อาจจะมีดาวน์ไซด์ ในหุ้นหรือในสภาวะการลงทุนโดยรวม เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนต้องมั่นใจได้ว่า หุ้นตัวนั้นหากมีเงินปันผลในระดับ 5% จะช่วยจำกัดความเสี่ยงของราคาหุ้นได้







