หุ้นไทยเช้านี้เปิดลบ 9.65 จุด กังวลตะวันออกกลางตึงเครียด หลังอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ

หุ้นไทยเช้านี้เปิดลบ 9.65 จุด กังวลตะวันออกกลางตึงเครียด หลังอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ

หุ้นไทยเช้านี้เปิด ลบ 9.65 จุด หรือลบ 0.90% หรืออยู่ที่ 1,057.98 จุด นักวิเคราะห์ เผยย่อตัวในกรอบ 1050-1080 จุด จากสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางรุนแรงขึ้น คาดกดดันตลาดสินทรัพย์เสี่ยง ขณะที่วันนี้แนะติดตาม PMI ภาคการผลิตและบริการของ US & Eurozone กลยุทธ์แนะเก็งกำไรหุ้นที่ได้โมเมนตัมบวกจากราคาน้ำมันปรับขึ้น วันนี้แนะนำ PTTEP

ความเคลื่อนไหว "หุ้นไทย" ภาคเช้า ณ 23 มิ.ย 2568 เปิดตลาด ปรับตัวลง 9.65 จุด หรือลบ 0.90% หรืออยู่ที่ 1,057.98 จุด มูลค่าการซื้อขาย 1,532.71 ล้านบาท
 

หุ้นไทยเช้านี้เปิดลบ 9.65 จุด กังวลตะวันออกกลางตึงเครียด หลังอิหร่านปิดช่องแคบฮอร์มุซ

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า ตลาดหุ้นไทยในเช้าวันนี้ปรับตัวลง ท่ามกลางปัจจัยกดดันจากสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง และประเด็นด้านความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ขณะที่ตลาดได้ออกมารับมือความเสี่ยงกับสถานการณ์ตะวันออกกลาง โดยการปรับ Ceiling/Floor ให้เหลือ 15% ซึ่งอาจจะทวีความรุนแรง รวมถึงประเด็นไทยกัมพูชาที่จะไม่นำเข้าน้ำมันจากไทย ทำให้วันนี้มี Downside risk 
 

"สถานการณ์ตะวันออกกลางถือว่าแย่กว่าที่คิด สำหรับการตอบโต้ของทรัมป์ และการปิดช่องแคบฮอร์มุซ เนื่องจากคิดเป็นสัดส่วนที่เยอะมากของการส่งออกน้ำมันทั้งโลก"

โดยสัดส่วนที่อิงกับกัมพูชาเยอะและได้รับผลกระทบมาก CBG ที่มียอดขายรวมเกือบ 30% ของยอดขายรวมมาจากกัมพูชา และ MEGA ที่มีสัดส่วนประมาณ 6% ส่วนหุ้นกลุ่มอื่น ๆ เช่น อสังหาริมทรัพย์และธนาคาร จะได้รับผลกระทบน้อย

ส่วนการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นสัดส่วนสำคัญของการส่งออกน้ำมันทั่วโลก จะทำให้ราคาน้ำมันดิบมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่เคยประเมินไว้ โดยตลาดประเมินว่าราคาน้ำมันอาจกลับไปแตะระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล หรืออาจสูงถึง 110 เหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้กลุ่มพลังงาน PTTEP โรงกลั่น TOP SPRC BCP สามารถยืนได้  

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย: การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะส่งผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก บริษัทจดทะเบียนของไทยก็จะได้รับผลกระทบ และมีความเสี่ยงที่ธนาคารกลาง ซึ่งตลาดคาดว่านำมันอาจจะพุ่งขึ้นไปหลัก 100 - 110 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จะส่งผลให้เงินเฟ้อโลกปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงบริษัทจดทะเบียนไทย ขณะที่เฟดอาจจะไม่ลดดอกเบี้ยก็เป็นได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งยังคงเป็นความเสี่ยงที่ยังต้องตามต่อ" 

โดยแนะนำ หุ้นกลุ่มพลังงานสามารถเข้าเทรดดิ้งได้ เนื่องจากมองว่า มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ทำให้คาดการณ์ว่า สถานการณ์อาจจะบานปลายหรือมีการยกระดับเกิดขึ้นได้
 
วิจิตร อารยะพิศิษฐ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในตะวันออกร้อนแรงขึ้น โดยนายโดนัล ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรํฐฯ แถลงว่ากองทัพสหรัฐฯ ได้ปฎิบัติการโจมตีเป้าหมายโรงงานนิวเคลียร์ของอิหร่าน 3 แห่ง ขณะที่ด้านกระทรวงการต่างประเทศของอิหร่าน ประนามการโจมตีของสหรัฐฯว่าเป็นการละเมิดร้ายแรง และอิหร่านเตรียมงัดทุกวิถีทางเพื่อตอบโต้ โดยในเวลาต่อมาทางด้านอิสราเอล เผยว่าได้ตรวจพบการยิงขีปนาวุธมาจากอิหร่าน

นอกจากนี้ช่วงเวลาต่อมาทางด้านรัฐสภาอิหร่านได้ลงมติอนุมัติให้มีการปิดช่องแคบฮอร์มุซ โดยช่องแคบนี้ถือเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญมากเนื่องจากมีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกว่า 20% ของความต้องการทั่วโลก ต้องผ่านทางนี้ ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะกระตุ้นราคาน้ำมันดิบโลก รวมถึงค่าระวางเรือให้ปรับตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้

วันนี้ตลาดหุ้นเอเชีย รวมถึงไทยตอบรับเชิงลบจากความเสี่ยงในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีอาจเห็นแรงพยุงในหุ้นกลุ่มพลังงานเข้ามาชดเชยได้บ้าง โดยยังแนะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ส่วนด้าน ตลท. ก็มีการออกมาตรการชั่วคราวเพื่อลดความผันผวน โดยปรับ Ceiling/Floor ลดลงครึ่งหนึ่ง และปรับกรอบ Dynamic Price Band รายหลักทรัพย์จาก +/- 10% เหลือ +/- 5% ส่วนตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจคืนนี้ แนะเกาะติดการรายงาน PMI ภาคการผลิตและบริการของสหรัฐฯ และยูโรโซน โดยคาดของสหรัฐฯอาจชะลอลง ขณะที่ยูโรโซนลุ้นค่อยๆฟื้นตัวขึ้น กรอบวันนี้ 1050-1080 จุด 

หุ้นแนะนำ PTTEP คาดกลุ่มพลังงานต้นน้ำตอบรับเชิงบวกจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น โดยล่าสุดอิหร่านมีมติปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางที่มีการลำเลียงน้ำมันและก๊าซธรรมชาติกว่า 20% ของความต้องการของโลกคาดแนวโน้มปริมาณการขายของ PTTEP ในช่วง 2Q25 จะปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากกิจกรรมการซ่อมบำรุงจะค่อยๆลดลงในช่วงที่เหลือของปี Valuation ในระดับปัจจุบันอยู่ในจุดที่น่าดึงดูด โดยเทรดเพียง PBV 0.77 เท่า และ PE 6.9 เท่า ราคาเป้าหมาย 145 บาท