ตั้งแถวใหม่” ในตลาดหุ้นไทย ท่ามกลาง ”สงครามสภาพคล่อง

ผมคิดว่าจะ “ตั้งแถวใหม่” ในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ต้องคิดให้ดี ต้องคิดให้รอบ จะอิงแค่ “เศรษฐกิจ” หรือ “การเมือง” เห็นทีคงไม่ได้เสียแล้ว เพราะ “สภาพคล่อง” เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลมากต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา
ช่วงนี้ซีรีย์ สงครามส่งด่วน หรือ Mad Unicorn (2025) ซึ่งว่าด้วยเรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มที่ก่อร่างสร้างตัวจาก ศูนย์ ต่อสู้ในสงครามล้มยักษ์ จนกลายเป็นสตาร์ทอัปธุรกิจขนส่งด่วนยูนิคอร์นตัวแรกของไทย กำลังเป็นที่ฮือฮาและได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย
สามประโยคของตัวละครที่ผมชอบมากจากเจ้าสัวคณิน คือ
1. “ผมเป็นคนชอบยืนหัวแถว”
2. “เวลาผมเห็นโอกาสทางธุรกิจอะไร ผมจะไปตั้งแถวใหม่ทันที”
3. “ตรงไหนมีปัญหาตรงนั้นมีเงิน”
สามประโยคนี้ตรงกับตลาดหุ้นไทยถึงสองในสามข้อ เพราะ
· ใครซื้อตอนนี้เหมือนกับได้ยืนที่หัวแถว เพราะ ดัชนีปรับตัวลงมากว่า 20% YTD
· ใครๆ ก็ทราบกันดีถึงสภาวะเศรษฐกิจไทยปัจจุบันซึ่งสะท้อนมายัง SET Index
คำถาม คือ ตลาดหุ้นไทยตอนนี้เป็นโอกาสที่จะไปตั้งแถวใหม่รึยัง ?
ประเด็นเรื่องเศรษฐกิจไทยและการเมืองไทย ผมคิดว่าเราคงไม่ต้องคุยกันถึงสองประเด็นดังกล่าวกันแล้ว เพราะ ทุกคนต่างทราบกันดีว่าตอนนี้เศรษฐกิจไทยในความรู้สึกของใครหลายๆคนอาจจะแย่กว่าช่วง COVID-19 เสียด้วยซ้ำ
มากไปกว่านั้นประเด็นการเมืองไทย ตอนนี้หนักหน่วง ทั้งศึกใน (ประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และ ประเด็นการยกเลิกแจกเงินหมื่นไปกระตุ้นเศรษฐกิจ) และ ศึกนอก (ประเด็นทรัมป์ และ ประเด็นไทย-กัมพูชา)
ในบทความนี้ ผมอยากชวนคุยถึงประเด็นที่สาม หรือ ประเด็นสภาพคล่อง ในตลาดหุ้นไทยมากกว่า ว่า ภาพปัจจุบันมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง
หนึ่ง ... สภาพคล่อง “หด” หากมองย้อนดูตามสถิติ มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในตลาดหุ้นไทย … SET Index เคยมีมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ณ ระดับ 5หมื่น-6หมื่นล้านบาท (ณ ปี 2020)
ในขณะที่ปัจจุบัน หรือ เดือนล่าสุด มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน ตกลงมาเกือบครึ่งนึง! ใช่ครับ เหลือเพียง 3หมื่น-4หมื่นล้านบาทต่อวันเท่านั้นเอง
สอง ... สภาพคล่อง “เปลี่ยน” เมื่อมองในรายละเอียดของมูลค่าการซื้อขายต่อวันที่ลดลง หรือ หายไป ผมพบว่ามูลค่าการซื้อขายต่อวันที่เกิดจากคนนั้นได้แปรเปลี่ยนกลายไปเป็นสิ่งที่เรียกว่า Program Trading หรือ ที่หลายคนเรียกว่า High Frequency Trade ซึ่งปัจจุบันคิดเป็นกว่า 45% ของมูลค่าการซื้อขายต่อวันเรียบร้อยแล้ว
หรือ พูดง่ายๆ ในหนึ่งวันของมูลค่าการซื้อขายของ SET Index ... ครึ่งนึง คือ มนุษย์ และ อีกกว่าครึ่งนึง คือ Program Trading
และ สาม สภาพคล่อง “หนี” ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา นักลงทุนและผู้อ่านคงจะคุ้นกันตลอดๆว่า “ฝรั่งขายหุ้นไทย” หรือ นักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นไทย
และ ด้วย ณ ปัจจุบัน ที่กระแส Sell America รุนแรงมาก ทำให้ภาพของดอลลาร์อ่อนค่า (บาทแข็ง)
เงินบาทที่แข็งจึงเท่ากับเม็ดเงินที่ไหลเข้า .... ซึ่งก็ควรจะเข้ามาในหุ้นไทยด้วย ... อย่างไรก็ดี ฟ้าอาจจะยังไม่เปิด เพราะเงินที่ไหลเข้ามาก็ยังเลือกที่จะเข้ามาในพันธบัตรไทย (ตราสารหนี้) ไม่ใช่หุ้นไทย (ตราสารทุน)
ดังนั้น ผมคิดว่าจะ “ตั้งแถวใหม่” ในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ ต้องคิดให้ดี ต้องคิดให้รอบ จะอิงแค่ “เศรษฐกิจ” หรือ “การเมือง” เห็นทีคงไม่ได้เสียแล้ว เพราะ “สภาพคล่อง” เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลมากต่อตลาดหุ้นไทยในช่วงหนึ่งถึงสองปีที่ผ่านมา
ณ ปัจจุบัน สิ่งที่เรารู้แน่นอนและควบคุมได้ในรอบนี้มีอยู่สามอย่างในความเห็นของผม
1) ซื้อหุ้นไทยตอนนี้ ได้ยืน “หัวแถว” แน่ๆ เพราะ ตอนนี้นักลงทุน ไม่ cut loss ก็ ติดดอยอยู่
2) ของ “ถูก” หรือ Valuation ที่ “ถูก” มีที่มาที่ไป และ ไม่ได้แปลว่าต้องขึ้น หรือ ปลอดภัย
3) ตลาดหุ้น คือ “กระจกหน้า” ที่มองไปข้างหน้า หรือ “อนาคต”
ดังนั้น ถ้าไม่ว่าจะ “เศรษฐกิจ” “การเมือง” หรือ “สภาพคล่อง” หากฟื้นตัวแม้จะเพียงเล็กน้อย ตลาดหุ้นที่เปรียบเสมือนกระจกหน้าจะวิ่งก่อนแน่นอน และ วิ่งก่อนที่ตัวเลขจะรายงานออกมาด้วยซ้ำ ...
คนยืน “หัวแถว” อาจหนาวๆ ตอนนี้ แต่ ถ้ากำไร... “หัวแถว” ก็กินก่อนครับ
ทบทวนกันให้ดี เพราะ ไม่ว่าจะยูนิคอร์นหรือคนประสบความสำเร็จทั้งในแง่ของการลงทุนหรือการทำธุรกิจต้อง “กล้าเสี่ยง” “รอบคอบ” เพราะเล่ห์เหลี่ยมเต็มไปหมดทั้งในเชิงธุรกิจและการลงทุน และ คนที่ประสบความสำเร็จน้อยกว่าคนไม่สำเร็จเสมอ
*การแสดงความเห็นให้คำแนะนำดังกล่าว ข้าพเจ้าขอเรียนว่า เป็นการกระทำในนามส่วนตัวของข้าพเจ้า เท่านั้น บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด มิได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ใดๆ ทั้งสิ้น







