ดาวโจนส์ร่วงลงเกือบ 300 จุด ทรัมป์ขู่อิหร่านให้ยอมแพ้

ดาวโจนส์ปิดตลาดร่วงลงเกือบ 300 จุดในวันอังคาร การโจมตีอิสราเอล-อิหร่านทวีความรุนแรง ทรัมป์ขู่ให้อิหร่านยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไข ส่งซิกสหรัฐอาจร่วมโจมตีอิหร่าน
ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลงในวันอังคาร (17 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนจับตาดูความคืบหน้าล่าสุดในตะวันออกกลาง โดยความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่านยังคงดำเนินต่อไปเป็นวันที่ห้า ประธานาธิบดีทรัมป์ ขู่ให้อิหร่านยอมแพ้โดยไม่มีเงื่อนไข จุดกระแสคาดการณ์สหรัฐจะร่วมมือกับอิสราเอลโจมตีอิหร่าน
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average ปิดตลาดที่ 42,215.80 จุด ลดลง 299.29 จุด หรือ 0.70% ดัชนี S&P 500ปิดที่ 5,982.72 จุด ลดลง 0.84% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite ปิดที่ 19,521.09 จุด ลดลง 0.91%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ผู้นำอิหร่านผ่านโพสต์บน Truth Social เมื่อวันอังคาร และเรียกร้องให้ “ยอมจำนนโดยไม่มีเงื่อนไข!”
“เรารู้แน่ชัดว่า ‘ผู้นำสูงสุด’ ซ่อนตัวอยู่ที่ไหน” ทรัมป์ระบุไว้ในโพสต์หนึ่ง “เขาเป็นเป้าหมายที่ง่าย แต่ปลอดภัยที่นั่น เราจะไม่ฆ่าเขา อย่างน้อยก็ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เราไม่อยากให้มีการยิงขีปนาวุธใส่พลเรือนหรือทหารอเมริกัน ความอดทนของเราเริ่มหมดลงแล้ว”
ทรัมป์ประชุมกับทีมความมั่นคงแห่งชาติในห้องสถานการณ์ของทำเนียบขาวในบ่ายวันอังคาร ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมก็ส่งเรือรบไปยังตะวันออกกลางพร้อมกันเพื่อเสริมกำลังป้องกันของกองทัพสหรัฐและเพิ่มทางเลือกของทรัมป์
สถานการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีกล่าวในโพสต์ Truth Social เมื่อวันจันทร์ว่า “ทุกคนควรอพยพหนีออกจากเตหะรานทันที” นอกจากนี้ เขายังออกจากการประชุมสุดยอด G7 ในแคนาดาก่อนกำหนดเพื่อจัดการกับสถานการณ์ในตะวันออกกลาง แต่บินกลับโดยที่ไม่ได้บรรลุข้อตกลงการค้ากับประเทศสมาชิกในกลุ่มบางประเทศ
ประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานูเอล มาครง กล่าวเมื่อวันจันทร์ว่าทรัมป์เสนอข้อตกลงหยุดยิงระหว่างอิหร่านและอิสราเอล อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวว่าการออกจาก G7 ของเขา “ไม่เกี่ยวข้องกับการหยุดยิงเลย แต่ข้อตกลงนี้ใหญ่กว่านั้นมาก”
“พวกเราทุกคนยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอนไม่แน่ใจว่าการประชุมสุดยอดครั้งนี้จะมีเนื้อหาสำคัญอะไรออกมาหรือไม่ และทรัมป์กำลังจะบอกอะไรผ่านโพสต์ของเขาและการออกจากการประชุม G7 ของเขาก่อนกำหนดหรือไม่” จิม รีด นักยุทธศาสตร์ของดอยช์แบงก์ เขียน
ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากความขัดแย้งทวีความรุนแรงขึ้น ซึ่งต่างจากราคาที่ลดลงเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งมีสาเหตุมาจากสัญญาณที่อิหร่านต้องการหยุดยิงกับอิสราเอล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต(WTI) และราคาน้ำมันดิบเบรนท์ต่างก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 4%
แรงซื้อผู้บริโภคอ่อนแอลง
นอกเหนือจากการโจมตีกันอย่างต่อเนื่องระหว่างอิสราเอลและอิหร่านแล้ว ข้อมูลยอดขายปลีกใหม่ยังส่งผลกระทบต่อหุ้นในวันอังคาร เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤษภาคม ยอดขายลดลง 0.9% ในเดือนพ.ค. ซึ่งแย่กว่าที่บริษัทดาวโจนส์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.6%
“เศรษฐกิจกำลังชะลอตัว ผู้บริโภคกังวลกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเลือกที่จะออมเงินโดยรวมมากกว่าที่จะใช้เงินสดในร้านค้าและห้างสรรพสินค้า” คริส รัปคีย์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Fwdbonds กล่าว
ข้อมูลดังกล่าวออกมาก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐจะประชุมในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม รอสส์ เมย์ฟิลด์ จาก Baird มองว่า "สายเกินไป" ที่ธนาคารกลางจะเปลี่ยนแนวทางเพื่อตอบสนองต่อข้อมูลยอดขายปลีก แต่เขากล่าวว่ารายงานเศรษฐกิจที่อ่อนแอกว่านี้อาจทำให้เฟดมีท่าทีผ่อนปรนมากขึ้น
นักยุทธศาสตร์การลงทุนกล่าวกับทีวีซีเอ็นบีซี ว่า "ผมคิดว่าคุณคงอยากเห็นภาษาสะท้อนการผ่อนปรนบางอย่าง ที่ยอมรับว่าเศรษฐกิจชะลอตัวลง เดือนกรกฎาคมจะเป็นการประชุมที่น่าสนใจ แม้ว่าสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อิงดอกเบี้ยเฟดจะไม่ได้ทำนาย(การลดดอกเบี้ยไว้)"
ตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยเริ่มต้นที่การประชุมเฟดในเดือนกันยายน ตามเครื่องมือติดตามเฟด FedWatch ของ CME Group






