ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (17 มิ.ย.) ลบ 0.91 จุด 'วอลุ่ม'เบาบาง ไร้ปัจจัยกระตุ้น

"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 มิ.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,113.58 จุด ลดลง 0.91 จุด หรือ 0.08% "นักวิเคราะห์" ชี้ หุ้นไทยปรับตัวขึ้นเกือบทั้งวันก่อนมาปิดตลาดลบด้วยปริมาณการซื้อขายเบาบางเพราะไร้ปัจจัยใหม่กระตุ้นตลาด
"ตลาดหุ้นไทย" วันนี้ (17 มิ.ย.) ปิดตลาดเย็นอยู่ที่ 1,113.58 จุด ลดลง 0.91 จุด หรือ 0.08% โดยดัชนีฯ เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,119.13 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,112.25 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 27,494.32 ล้านบาท
หุ้นที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- PTTEP ราคาปิด 110.00 บาท ลดลง 2.00 บาท หรือ 1.79% มูลค่าซื้อขาย 2,440.25 ล้านบาท
- ADVANC ราคาปิด 282.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,806.95 ล้านบาท
- AOT ราคาปิด 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 4.59% มูลค่าซื้อขาย 1,744.53 ล้านบาท
- KBANK ราคาปิด 153.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.66% มูลค่าซื้อขาย 1,227.04 ล้านบาท
- CPALL ราคาปิด 45.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,107.74 ล้านบาท
ตลาดหุ้นไทยเผชิญปริมาณซื้อขายเบาบาง หุ้นท่องเที่ยวพยุงดัชนี
นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในวันนี้ยังคงเผชิญสภาวะปริมาณการซื้อขายที่เบาบางต่อเนื่องที่ระดับประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยดัชนีฯ แกว่งตัวในกรอบแคบระหว่าง 1,110-1,115 จุด บวกลบเพียง 5 จุดจากระดับเปิด สะท้อนความลังเลของนักลงทุนท่ามกลางปัจจัยความไม่แน่นอนหลายประการ
สาเหตุหลักมาจากสถานการณ์ตะวันออกกลาง ที่ยังคงคลุมเครือแม้จะมีข่าวว่าอิหร่านอาจถอยหนึ่งก้าวและพยายามกลับมาเจรจากับสหรัฐอเมริกาในเรื่องนิวเคลียร์ แต่ฝั่งอิสราเอลยังไม่ยอมขนาดนั้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่มีการเคลื่อนไหวแบบผันผวน เมื่อคืนมีจังหวะย่อลง แต่เช้าวันนี้กลับมีจังหวะดีดกลับขึ้น
"นอกจากนี้การเมืองภายในประเทศยังคงเป็นปัจจัยกดดันสำคัญ โดยเฉพาะประเด็นการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อาจส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล โดยคะแนนเสียงในสภาฯ อาจจะมาอยู่ตรงกลางที่ประมาณ 240-250 เสียง"
ท่ามกลางสภาวะตลาดที่เบาบาง กลุ่มหุ้นท่องเที่ยวกลับเป็นจุดเด่นของวันนี้ จากการที่รัฐบาลเริ่มเปิดให้ผู้ประกอบการลงทะเบียนโครงการ "เที่ยวไทยคนละครึ่ง" โดยหุ้นที่โดดเด่น ได้แก่ CENTEL ปรับตัวขึ้น 4%, MINT เพิ่มขึ้น 3%, และ ERW ปรับตัวขึ้น 2% ในขณะที่ AOT กลับมีแรงกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัว นอกจากกลุ่มท่องเที่ยวแล้ว
สำหรับแนวโน้มตลาดพรุ่งนี้ นายวิจิตร คาดการณ์ว่า ตลาดจะยังคงแกว่งตัวในกรอบเดิม โดยมีแนวรับที่ 1,100-1,110 จุด และแนวต้านที่ 1,130 จุด (ไม่น่าจะผ่านได้ง่าย) โดยยังต้องรอปัจจัยบวกที่ชัดเจนเพื่อสร้างโมเมนตัมให้ตลาด ปัจจัยที่ต้องจับตาในระยะข้างหน้า ได้แก่ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในช่วงกลางคืนวันพุธ ความชัดเจนทางการเมืองทั้งเรื่องสงครามการค้า สงครามตะวันออกกลาง และการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในประเทศ รวมถึงการรอปัจจัยปลดล็อกที่ชัดเจนเพื่อยกระดับปริมาณการซื้อขายให้กลับมาสู่ภาวะปกติ