สงครามตะวันออกกลางดันราคาน้ำมันโลกพุ่ง เสี่ยงกระตุ้นเงินเฟ้อ-กดดันดอกเบี้ยขาลง

สงครามตะวันออกกลางดันราคาน้ำมันโลกพุ่ง เสี่ยงกระตุ้นเงินเฟ้อ-กดดันดอกเบี้ยขาลง

บล.เอเซีย พลัส เผยราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เสี่ยงเป็นแรงกระตุ้นเงินเฟ้อในระยะถัดไป และอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อทิศทางดอกเบี้ยขาลงได้ และเป็น SENTIMENT เชิงลบต่อ SET INDEX แต่หุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่น รับอานิสงส์บวกเป็นตัวช่วยพยุง

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า อ้างอิงแหล่งข่าวจาก BLOOMBERG เจ้าหน้าที่ทหารอิสราเอลเผยว่ามีการโจมตีหลายสิบจุดทั่วอิหร่าน ขณะที่รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล “อิสราเอล คัทซ์” ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินพิเศษ พร้อมเตรียมรับมือการโจมตีตอบโต้ด้วยโดรนและขีปนาวุธ หลังมีรายงานเสียงระเบิดในกรุงเตหะรานจากสื่อท้องถิ่น ทั้งนี้อิหร่านเคยประกาศว่าจะตอบโต้กลับหากถูกโจมตี

ทั้งนี้ การที่อิสราเอลเปิดฉากโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหารและโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งอย่างรุนแรงระหว่างสองประเทศที่เป็นศัตรูกันมาอย่างยาวนาน และอาจนำไปสู่สงครามครั้งใหม่ในตะวันออกกลางส่งผลให้เช้านี้สินทรัพย์ต่างๆ นำโดยน้ำมันดิบ WTI พุ่ง +5.3% ทองคำขึ้นแรง +1% และตลาดหุ้น ฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ร่วงมากกว่า 1%

โดยราคาน้ำมันดิบโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เสี่ยงเป็นแรงกระตุ้นเงินเฟ้อในระยะถัดไป และอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อทิศทางดอกเบี้ยขาลงได้ อย่างไรก็ตาม ประเด็นความไม่สงบในตะวันออกลาง อาจเป็น SENTIMENT เชิงลบต่อ SET INDEX แต่คาดมีหุ้นกลุ่มพลังงาน-โรงกลั่นที่มีสัดส่วนสูงถึง 1 ใน 3 ของน้ำหนักทั้งหมดเป็นตัวพยุง ส่วนหุ้นที่ได้ประโยชน์ในยามราคาน้ำมันดิบขาขึ้น และยัง LAGGARD กับราคาน้ำมัน YTD ที่ +1.45% อาทิ PTTEP, PTT, BCP, PTTGC เป็นต้น