ก.ล.ต.ปรับปั่นหุ้น TRITN มี "ภสุ" หลานเสี่ยยักษ์ร่วม ปรับทางแพ่ง 34 ล้านห้ามเป็นกรรมการ -ผู้บริหาร

ก.ล.ต.ปรับปั่นหุ้น  TRITN มี "ภสุ" หลานเสี่ยยักษ์ร่วม  ปรับทางแพ่ง 34  ล้านห้ามเป็นกรรมการ -ผู้บริหาร

ก.ล.ต. กล่าวโทษ 4 ราย ปั่นหุ้น TRITN โดยมี "ภสุ วชิรพงศ์ " หลานชาย เสี่ยยักษ์ และยังเป็นสามี “หลุยส์ เตชะอุบล” ผู้บริหาร TRIN รวมอยู่ด้วย ปรับทางแพ่ง 34.37 ล้านบาท ห้ามซื้อขายหุ้นและเป็นกรรมการ-ผู้บริหาร

          สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อปี 2566 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ช่วงระหว่างวันที่ 2 - 9 กันยายน 2565 ผู้กระทำความผิด 4 ราย ซึ่งมีความสัมพันธ์กันในทางส่วนตัว เส้นทางการเงิน หรือผ่านการเชื่อมโยงกับบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกัน ได้แก่ (1)นายภสุ วชิรพงศ์ (2) นายวิชาญ วชิรพงศ์ และ (3) นายอัครรัฐ วรรณรัตน์ ได้ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ บริษัท ไทรทัน โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TRITN

          โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยมี (4) นายนัธทวัฒน์ พิบูลย์ธนอมร ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกแก่นายภสุ


 

     การกระทำดังกล่าวข้างต้นของนายภสุ นายวิชาญ และนายอัครรัฐ เป็นความผิดฐานร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ตามมาตรา 244/3(1)(2) ประกอบมาตรา 244/5 หรือมาตรา 244/3(1)(2) ประกอบมาตรา 244/6 ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) แล้วแต่กรณี ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ส่วนการกระทำของนายนัธทวัฒน์ เป็นความผิดตามมาตรา 244/3(1)(2) ประกอบมาตรา 315 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน

         คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 4 ราย โดยกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้แก่ ค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ ชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ ดังนี้

           (1) ให้นายนายภสุ ชำระค่าปรับทางแพ่ง ชดใช้เงินในจำนวนที่เท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 32,761,239 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 14 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 28 เดือน 

        (2)  ให้นายวิชาญ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 539,304 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 11 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 22 เดือน

        (3)  ให้นายนายอัครรัฐ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 539,304 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 11 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 22 เดือน

        (4)  ให้นายนัธทวัฒน์ ชำระค่าปรับทางแพ่ง และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 539,304 บาท ห้ามซื้อขายหลักทรัพย์หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นเวลา 9 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 18 เดือน ตามลำดับ

        มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด

         ทั้งนี้ เงินค่าปรับทางแพ่งและเงินค่าชดใช้คืนผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง