หุ้น AOT บวก 3.15% ผู้บริหารโฟกัสธุรกิจการบินมากขึ้น เตรียมเปิดประมูลคลังสินค้า 1.5 หมื่นล้าน

หุ้น AOT บวก 3.15%  ผู้บริหารโฟกัสธุรกิจการบินมากขึ้น เตรียมเปิดประมูลคลังสินค้า 1.5 หมื่นล้าน

หุ้น AOT บวก 3.15% เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 32.75 บาท  หลังผู้บริหารโฟกัสธุรกิจการบินมากขึ้น ล่าสุด ครม.อนุมุติเปิดประมูลคลังสินค้า 1.5 หมื่นล้าน "โบรก" เผย คำแนะนำ"ถือ" ราคาเป้าหมายที่ 35 บาท

ความเคลื่อนไหว"หุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 11 มิ.ย.2568 เวลา 11.10 น. หุ้น AOT หรือ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) บวก 3.15% เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 32.75 บาท 

หุ้น AOT บวก 3.15%  ผู้บริหารโฟกัสธุรกิจการบินมากขึ้น เตรียมเปิดประมูลคลังสินค้า 1.5 หมื่นล้าน

กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า วันนี้ หุ้น AOT ปรับตัวขึ้นอย่างน่าสนใจ โดยมีปัจจัยหนุนหลายประการทั้งจากมุมมองของผู้บริหารของ AOT รับรู้ถึงปัญหาของธุรกิจที่ไม่ใช่การบิน เช่น ประเด็นของ King Power และจากนี้ไปจะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการบินมากขึ้น

โดยเฉพาะเรื่องของค่าโดยสารระหว่างประเทศ และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสาร แนวโน้มตลาด และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ

ขณะที่ตลาดหุ้นเริ่มมีมุมมองเป็นบวกต่อ AOT ส่วนหนึ่งมาจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่เกี่ยวข้องกับ AOT ในการกระตุ้นเศรษฐกิจแม้จะมีการเลื่อนการประชุมที่ไม่ลงตัวเรื่องงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท แต่ส่วนหนึ่งของงบประมาณดังกล่าวจะถูกนำมาใช้เพื่อช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวมากขึ้น รวมถึงการส่งออกด้วย

"โมเมนตัมของนักท่องเที่ยวจีนในเดือนมิ.ย. 2568 ถือว่าอ่อนแอมาก ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่ารัฐบาลน่าจะออกมาตรการกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวเพิ่มเติม แม้มาตรการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติก่อนหน้านี้ เช่น "สวัสดี หนี ห่าว" อาจยังไม่เพียงพอ"

อย่างไรก็ตาม ได้ปรับเพิ่มคำแนะนำสำหรับ AOT เป็น "ถือ" จากเดิมที่แนะนำ "ขาย" ราคาหุ้นที่ประมาณ 30 บาท ถือว่าเริ่มถูก โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 35 บาท และแม้ราคาในปัจจุบันจะปรับขึ้นมาบ้าง แต่ก็ยังไม่ถือว่าแพง สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่มีหุ้น AOT สามารถเข้าซื้อเป็นไม้แรกได้ เนื่องจากราคาหุ้นยังไม่ถือว่าแพง นักลงทุนที่มีหุ้น AOT อยู่แล้ว ยังไม่ต้องไล่ซื้อเพิ่ม สามารถถือหุ้น และอาจรอจังหวะที่ราคาอ่อนตัวลงมาเล็กน้อยหากต้องการสะสมเพิ่ม 

ด้าน สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ดำเนินการเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนโครงการรัฐ (พีพีพี) ในโครงการให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 เพื่อทดแทนเอกชนสัญญาเดิมที่กำลังจะครบกำหนดสัญญาในเดือนต.ค.2569 โดยดึงเอกชนร่วมทุน "คลังสินค้าสุวรรณภูมิ" มูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท 

อย่างไรก็ดี หลังจาก ครม.มีมติอนุมัติแล้ว ทอท.จะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนพีพีพี ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกตามมาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 หลังจากนั้นกำหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือก และเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอ ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 5 - 6 เดือนนับจากนี้ ได้ตัวเอกชนคู่สัญญาเสนอ ครม. หลังจากนั้นจะลงนามสัญญาในราวเดือน ก.พ. - มี.ค.2569

ปัจจุบันคลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ มีขีดความสามารถรองรับสินค้าอยู่ที่ 2.2 ล้านตันต่อปี โดยเฉพาะส่วนของผู้ประกอบการรายที่ 2 มีขีดความสามารถรองรับอยู่ที่ 5 แสนตันต่อปี ดังนั้นหากผู้ประกอบการรายที่ 2 นำระบบ AI เข้ามาบริหารจัดการคลังสินค้า ก็จะสามารถเพิ่มขีดความสามารถเป็นเท่าตัว หรือราว 1 ล้านตันต่อปี และทำให้ขีดความสามารถคลังสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพิ่มเป็น 2.7 ล้านตัวต่อปี

สำหรับการคัดเลือกเอกชนร่วมลงทุนให้บริการคลังสินค้า ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ของผู้ประกอบการรายที่ 2 ก่อนหน้านี้ ทอท.ศึกษารูปแบบ PPP Net Cost โดยมีมูลค่าของโครงการรวม 15,253 ล้านบาท ซึ่งจะคัดเลือกเอกชนมาร่วมลงทุนทดแทนผู้ประกอบการรายเดิม คือ บริษัท ดับบลิวเอฟเอสพีจีคาร์โก้ จำกัด ซึ่งอายุสัญญาจะสิ้นสุดในเดือนต.ค.2569