S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 เจรจาการค้าจีน - สหรัฐ หุ้นเทคหนุน 

S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 เจรจาการค้าจีน - สหรัฐ หุ้นเทคหนุน 

ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ในวันอังคาร นักลงทุนมีความหวังในความคืบหน้าของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน หุ้นเทคโนโลยีกลับมาขึ้นสูง ส่งแรงหนุนตลาด

ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปิดบวกในวันอังคาร (10 มิ.ย.68) เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังในผลการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ออกมาในเชิงบวก

โดยดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 105.11 จุด หรือ 0.25% ปิดที่ 42,866.87 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.55% ปิดที่ 6,038.81 จุด ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.63% ปิดที่ 19,714.99 จุด นับเป็นการซื้อขายที่เป็นบวกเป็นวันที่ 3 สำหรับดัชนีทั้งสอง

การเจรจาระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐ และจีนในกรุงลอนดอน ดำเนินต่อไปเป็นวันที่ 2 โดยนายฮาวเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ กล่าวว่า เขาหวังว่าการเจรจาจะสิ้นสุดลงในคืนวันอังคาร และหากจำเป็น การเจรจาอาจดำเนินต่อไปจนถึงวันพุธ

“ผมคิดว่าการเจรจาดำเนินไปได้ด้วยดีจริงๆ เราทุ่มเวลา ความพยายาม และพลังงานอย่างมาก ทุกคนทำงานกันอย่างใกล้ชิด” ลัทนิค กล่าวกับนักข่าวในวันอังคารที่ลอนดอน

นักลงทุนกำลังจับตาการหารือเพื่อหาสัญญาณของข้อตกลงที่จะไม่มีการบังคับใช้ภาษีศุลกากรในอัตราที่สูงเกินควรต่อกัน

ทั้งสองประเทศตกลงกันในเดือนที่แล้วว่าจะลดภาษีกันชั่วคราว ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญในการเจรจาการค้า หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ เปิดเผยแผนการจัดเก็บภาษีนำเข้าในวงกว้าง และในอัตราที่สูง 

จนถึงขณะนี้ หุ้นปรับตัวสูงขึ้นในเดือนมิถุนายน เนื่องจากนักลงทุนยังคงมีความหวังเกี่ยวกับการหารือการค้าโลกที่ดำเนินต่อไป และความแข็งแกร่งโดยรวมของตลาด การเพิ่มขึ้นนั้นขับเคลื่อนโดยผลประกอบการของบริษัทที่แข็งแกร่ง และการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยี และการประกาศดีลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์จำนวนมากในช่วงที่ผ่านมา

คาดแนวโน้มหุ้นดี แต่เงินเฟ้อเป็นปัจจัยถ่วง

“ในทางเทคนิคแล้ว หุ้นปรับตัวขึ้นได้ดีโดยทะลุระดับสำคัญเพื่อกลับมาอยู่ในเส้นทางเดิม ในระยะยาว หุ้นเริ่มต้นสัปดาห์เหนือเส้นแนวโน้มขาลงเล็กน้อย และกลับสู่ระดับสูงสุดของปี” เจย์ วูดส์ หัวหน้านักกลยุทธ์ระดับโลกของ Freedom Capital Markets กล่าว

“การปรับขึ้นครั้งนี้ดูเหมือนกับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ จำนวนมากที่พยายามจะกลับสู่จุดสูงสุดเดิม ข่าวดีก็คือ เมื่อพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงของการเคลื่อนไหวแล้ว แม้แต่หุ้นที่มีจุดอ่อนก็ดูเหมือนว่าจะมีจุดลงจอดที่นุ่มนวล และจุดเข้าที่ดีเมื่อพิจารณาจากความเสี่ยง/ผลตอบแทน” วูดส์ กล่าวเสริม

แน่นอนว่านักลงทุนบางส่วนกังวลว่าภาษีศุลกากรในปัจจุบันอาจส่งผลให้เงินเฟ้อสูงขึ้นในอนาคตอันใกล้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อหุ้นได้

“แม้ว่าภาพรวมจะยังไม่ชัดเจนนัก แต่ภาษีศุลกากรที่บังคับใช้ได้ก็มีอยู่” มาร์ก มาเล็ก ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Siebert Financial กล่าว “เฟดกังวลว่าผลกระทบต่อเงินเฟ้อที่แท้จริงยังไม่ปรากฏให้เห็น จากการจัดเก็บภาษีศุลกากรที่ซับซ้อนซึ่งมีผลบังคับใช้ในปัจจุบัน เราคาดว่าสินค้ารวม เช่น รถยนต์ เสื้อผ้า และอาหาร จะเริ่มแสดงสัญญาณเริ่มต้นของเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีศุลกากร

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์