หุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) ปิดตลาดเย็นบวก 3.92 จุด วอลุ่มเบาบาง - ไร้ปัจจัยใหม่

หุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) ปิดตลาดหุ้นเย็นอยู่ที่ 1,139.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด หรือ 0.35% "นักวิเคราะห์" ชี้ หุ้นไทยปรับตัวขึ้นแต่ปริมาณการซื้อขายเบาบางเพราะไร้ปัจจัยกระตุ้นตลาดและขาดความเชื่อมั่นหุ้นไทย
หุ้นไทยวันนี้ (10 มิ.ย.) ปิดตลาดหุ้นเย็นอยู่ที่ 1,139.16 จุด เพิ่มขึ้น 3.92 จุด หรือ 0.35% โดยดัชนีหุ้นไทย เคลื่อนไหวผันผวนทั้งวัน ซึ่งทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 1,144.40 จุด จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,134.82 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 27,978.16 ล้านบาท
หุ้นไทยวันนี้ ที่มีมูลค่าซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่
- PTT ราคาปิด 30.00 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 1,833.39 ล้านบาท
- KBANK ราคาปิด 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท หรือ 0.65% มูลค่าซื้อขาย 1,595.36 ล้านบาท
- SCB ราคาปิด 120.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท หรือ 2.99% มูลค่าซื้อขาย 1,537.45 ล้านบาท
- KTB ราคาปิด 22.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท หรือ 0.90% มูลค่าซื้อขาย 1,299.71 ล้านบาท
- DELTA ราคาปิด 99.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง 0.00 บาท หรือ 0.00% มูลค่าซื้อขาย 867.20 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วงสองวันที่ผ่านมาเผชิญกับสภาวะมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางจากสาเหตุสำคัญ 2 ประการ คือ
- ตลาดไม่มีประเด็นข่าวใหม่ที่สร้างแรงจูงใจในการซื้อขาย
- นักลงทุนยังไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นกับสภาพตลาดโดยรวม
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยเสริมที่สร้างความกังวล ได้แก่ ปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยเฉพาะเรื่องคดีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและข่าวแนวโน้มการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) รวมถึงความไม่แน่นอนจากการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน
สำหรับระยะสั้น ดัชนีคาดว่าจะเคลื่อนไหวในกรอบแนวรับที่ 1,202 จุด ซึ่งไม่ควรหลุดเพราะจะส่งสัญญาณเชิงลบ ปัจจุบันพยายามเลี้ยงตัวอยู่แถว 1,130 จุด และมีแนวต้านที่ 1,150-1,160 จุด
ในระยะกลางถึงยาว ยังเชื่อว่าการลงทุนมีความน่าสนใจ เนื่องจากหุ้นตัวใหญ่หลายตัวลดลงมาอยู่ในระดับที่ไม่เคยเห็นมานานหลายปี ทำให้เป็นโอกาสดีในการสะสม ส่วนงบการเงิน Q2 คาดว่าจะดูซอฟต์ลงจาก Q1 แต่ยังมีแนวโน้มเติบโต โดยกลุ่ม ICT จะเด่นชัดที่สุด ขณะที่กลุ่มธนาคารอาจต้องหลีกเลี่ยงในระยะสั้น
สำหรับคำแนะนำการลงทุน นายอภิชาติกล่าวว่า ให้เลือกหุ้น Big Cap ที่มีปันผลดี กระแสเงินสดมั่นคง และสามารถอยู่รอดในสถานการณ์ยากลำบากได้ โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มพลังงาน ที่มีราคาน่าสนใจและมีกระแสเงินสดดี