BGRIM ผนึก Digital Edge ทุ่ม 2.4 หมื่นล้าน ลุย Data Center ขนาด 96MW ใน EEC

BGRIM ผนึก Digital Edge ทุ่ม 2.4 หมื่นล้าน ลุย Data Center ขนาด 96MW ใน EEC

BGRIM ประกาศความร่วมมือทางธุรกิจกับบริษัท Digital Edge (Singapore) Holdings Pte Ltd เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย ทุ่ม 2.4 หมื่นล้านบาท ลุย Data Center ขนาด 96MW ใน EEC

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า BGRIM และ Digital Edge ได้มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนภายใต้ชื่อ Digital Edge B.Grimm (TH) Holding Pte. Ltd เพื่อลงทุนในธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย โดย BGRIM จะถือหุ้นในสัดส่วน 40% และ Digital Edge ถือหุ้นในสัดส่วน 60%

ทั้งนี้ Digital Edge เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม Data Center ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการสนับสนุนจาก Stonepeak ซึ่งเป็นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์มี Data Center ที่ COD แล้วและอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 24 แห่งใน 7 ประเทศ
 

สำหรับโครงการแรกของบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นโครงการ Data Center ขนาด 96MW ในเขต EEC ที่สร้างขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้า Hyperscale ที่มีการขยายธุรกิจในประเทศไทยใช้เงินลงทุนรวม 24,520 ล้านบาท แบ่งออกเป็นเงินกู้ 70% คาดดอกเบี้ยราว 4-5% และส่วนของผู้ถือหุ้น 30% คือ BGRIM ลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นราว 2,942 ล้านบาท

ทั้งนี้โครงการดังกล่าวจะถูกแบ่งออกเป็น 2 Phase (Phase ละราว 48MW) โดย Phase 1 มีกำหนด COD ในปีไตรมาส 4/69 คาดเริ่มการก่อสร้างในเดือน ก.ค.2568) และ Phase 2 สามารถ COD ได้ในปี 2571 โดยบริษัทฯ จะมีการจัดประชุมนักวิเคราะห์เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจ Data Center ในวันที่ 12 มิ.ย.2568 นี้ 

อย่างไรก็ดี มีมุมมองเป็นบวกต่อประเด็นดังกล่าวเนื่องจากเรามองว่าการที่บริษัทฯ ได้มีการประกาศร่วมมือกับพันธมิตรจากต่างประเทศอย่างเป็นทางการ จะส่งผลให้ตลาดเริ่มกลับมาให้
น้ำหนักเกี่ยวกับพัฒนาการของธุรกิจ Data Center ของบริษัทฯ มากขึ้นในระยะยาว

ทั้งนี้ หากอิงตามสมมติฐานการ COD อย่างอนุรักษ์นิยมของเราที่คาดโครงการ Phase 1 จะสามารถ COD ได้ในช่วงต้นปี 2570 ช้ากว่ากำหนดการณ์ของบริษัทฯ ราว 3 เดือน และมีลูกค้าใช้งานราว 70% ภายในช่วง 1 ปีหลังการ COD คาด Data Center ดังกล่าวจะมีสร้างส่วนแบ่งกำไรให้กับบริษัทฯ ได้ราว 50-70 ล้านบาทในปี 2570 และ 150-200 ล้านบาทในปี 2571 ก่อนจะเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 280-300 ล้านบาท/ปี ในปี 2572 ซึ่งในกรณีดังกล่าวคาดการลงทุนใน Data Center ของบริษัทฯ จะส่งผลให้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นราว 0.70- 1.00 บาท/หุ้น ยังไม่รวมไว้ในประมาณการ

อย่างไรก็ตาม ยังคงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปีนี้ ที่ 13.00 บาท/หุ้น มองว่าราคาหุ้นมีโอกาสตอบรับเชิงบวกต่อพัฒนาการของธุรกิจ Data Center ในช่วงสั้น แต่คาดราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นราว 9% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยบวกจากประเด็นดังกล่าวไปแล้วบางส่วน 

นอกจากนี้คาดการฟื้นตัวของราคาหุ้นในระยะกลางจะยังถูกจ ากัดจากแนวโน้มกำไรปกติปี 2025 ที่คาดลดลง YoY และความกังวลเกี่ยวกับการปรับลดค่าไฟฟ้าของโครงการพลังงานหมุนเวียนในเวียดนาม จึงคงคำแนะนำเทรดดิ้ง