หุ้นไทยยังถูกกดดันรอบทิศ เศรษฐกิจ การเมือง การค้า DELTA

บล.ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) เผย SET และดัชนีย่อยต่างๆ ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในปีนี้ สะท้อนแรงกดดันจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเมืองในประเทศที่เปราะบาง และปัจจัยต่างประเทศที่ยังไม่เอื้อ นักลงทุนต่างชาติเคลื่อนย้ายเงินทุนออกอย่างชัดเจน เพิ่มความเสี่ยงต่อตลาด แนะนำหุ้น Domestic Play
กรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า "หุ้นไทย"ยังไม่ฟื้น Underperform ไร้ปัจจัยหนุน กดดันทุก Sector โดยแบ่งตามขนาด SET -18.5% YTD SET50 -18.2% mai -23.2% ในขณะที่ SETHD -8.6% ขณะที่แบ่งตามอุตสาหกรรม BANK -1.4% ICT -1.7% ส่วนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา และหากนับรายสัปดาห์ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 1.2 หมื่นล้านบาท นับเฉพาะรายเดือนล่าสุด นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทย 983 ล้านบาท และถ้านับตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยไป 7.2 หมื่นล้านบาท นับตั้งแต่เปิดปี 2568
โดยแรงกดดันจาก DELTA และการเมือง ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังไร้ปัจจัยหนุน ซึ่งตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมาเปิดทำการวันแรกหลังจากหยุดยาวด้วย Sentiment ลบจากหุ้น DELTA ที่ปรับตัวลดลง ซึ่งเรามองว่ามีสาเหตุมาจาก การที่ ตลท.จะปรับเกณฑ์ Capped Weight จำกัดน้ำหนักหุ้นรายตัวไม่เกิน 10% ในดัชนี SET50/SET100 มีผลตั้งแต่ 1 ก.ค.2568 โดย ณ 4 มิ.ย.2568 เวลา 11.40 น. DELTA มีน้ำหนักประมาณ 12% รวมถึงประเด็นคดีฟ้องร้องของ Vicor ที่สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ DELTA ต้องชดเชยค่าเสียหายให้กับลูกค้า แลแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/68 อ่อนแอกว่าคาดเนื่องจากการเติบโตของรายได้ชะลอตัว
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นไทยยัง Underperform จากความกังวลเสถียรภาพการเมืองในประเทศ แม้พ.ร.บ. งบปี 2569 จะผ่านสภาฯ แล้วก็ตาม ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยและนักท่องเที่ยวที่ชะลอตัว ทั้งนี้ เราคาดว่าการปรับ ครม. จะมีขึ้นเร็วๆ นี้ ซึ่งยังคงต้องติดตามประเด็นความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทย-ภูมิใจไทยต่อไป เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานโครงการสำคัญของรัฐ อาทิ Entertainment Complex หรือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่งบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท จากโครงการดิจิทัลวอลเล็ตซึ่งถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด จะถูกนำมาใช้ นอกจากนี้ ติดตามปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งแม้ว่าจะยังไม่ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทย แต่อาจส่งผลต่อความเชื่อมั่นในระยะถัดไป
ด้านความไม่แน่นอนจากภาษีศุลกากรของรัฐบาลทรัมป์ยังดำเนินต่อไป แม้ว่าการพูดคุยทางโทรศัพท์ระหว่างประธานาธิบดี ทรัมป์ และประธานาธิบดี สี จิ้นผิง ของจีนจะมีสัญญาณบวก อย่างไรก็ตาม ยังคงไม่มีความคืบหน้าในรายละเอียดที่ชัดเจน นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนการค้าโลกยังคงมีอยู่ในระยะกลาง-ยาวที่ยังต้องติดตาม หลังศาลอุทธรณ์สหรัฐมีคำสั่งฉุกเฉินระงับคำตัดสินของศาลการค้าระหว่างประเทศชั่วคราวส่งผลให้สหรัฐสามารถเดินหน้าเก็บภาษีภายใต้กฎหมาย IEEPA ต่อไปได้
ขณะที่ด้าน EU ได้แสดงความคิดเห็นว่าแผนของทรัมป์ที่จะเพิ่มภาษีเหล็กจาก 25% เป็น 50% นั้นจะทำให้การเจรจาดำเนินไปได้ยากขึ้นและ EU ก็พร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้เช่นกัน
นอกจากนี้ จับตา GDP ไตรมาส 1/68 ของญี่ปุ่นในวันที่ 9 มิ.ย.2568 และเงินเฟ้อสหรัฐ เดือนพ.ค.2568 ในวันที่ 11 มิ.ย.2568 รวมถึง GDP เดือนเม.ย.2568 อังกฤษ และ ดัชนี PPI สหรัฐ เดือน พ.ค.2568 วันที่ 12 มิ.ย.2568 และติดตาม การปรับลดค่าไฟ ซึ่งจะช่วยเพิ่มโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยของธปท.
อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำหุ้น Domestic Play อาทิ KBANK BDMS ADVANC GULF CPALL MTC MINT