"เสี่ยป๋อง-บอย ท่าพระจันทร์" แนะกลยุทธ์รับมือหุ้นไทยผันผวน-สภาพคล่องหด

"เสี่ยป๋อง-บอย ท่าพระจันทร์" ประสานเสียง "หุ้นไทย" ไร้สภาพคล่อง "เสี่ยป๋อง" ชี้สายกราฟเทรดอย่างมีวินัย แนะลุยหุ้นสภาพคล่องสูง พื้นฐานแกร่ง "บอย ท่าพระจันทร์" เตือนดัชนีหลุด 1,080 จุดอาจลงไปทดสอบจุดต่ำ 970 จุด
“ตลาดหุ้นไทย” ตกอยู่ในภาวะ “ซบเซา” และ “ไร้ทิศทาง” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้บรรดานักลงทุนรายใหญ่ต้องปรับตัวและงัดกลยุทธ์ลงทุนเฉพาะตัวออกมาใช้ “เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” และ “อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” สองนักลงทุนระดับตำนานที่อยู่ในวงการมาอย่างยาวนาน ให้มุมมองตลาดหุ้นไทยในงานสัมมนา Thailand Investment Forum 2025 : Great Depression พลิกเกมฝ่าวิกฤติ จัดโดย กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และโพสต์ทูเดย์ ในหัวข้อ “โค้ดลับพอร์ตพันล้าน”
โดยทั้งคู่ต่างมองเห็นความท้าทายจาก “สภาพคล่อง” ตลาดหุ้นที่หายไปและการเข้ามาของ “โรบอท” แต่ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดหุ้นไทยในวันนี้ “ถูกที่สุดในโลก” และมีโอกาสในการสะสมหุ้นสำหรับอนาคต
“เสี่ยป๋อง-วัชระ แก้วสว่าง” นักลงทุนรายใหญ่ด้านเทคนิคอล บอกว่า ในภาวะตลาดหุ้นแบบนี้เชื่อว่านักลงทุนสายเทคนิคอลที่มีวินัยน่าจะ “รอด” และทำ “ผลงาน” ได้ดี โดยจุดสังเกต “หุ้นขาขึ้น” หรือ “ขาลง” ดูได้จากเส้นค่าเฉลี่ย EMA75 หรือ Exponential Moving Average 75 Month และ EMA 89 Month หากดัชนีต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยนี้บ่งชี้ว่า “ไม่ใช่ขาขึ้น” นั่นหมายความว่า นักลงทุนที่ลงทุนแนว Short หุ้นมีโอกาสได้กำไร หากดูกราฟสัญญาณนี้ แต่ส่วนตัวไม่ได้ลงทุนแนว Short หุ้น แม้รู้ว่าหุ้นจะปรับตัวลงก็ตาม ด้วยไม่ใช่วิถีการเทรดที่ยึดถือ เพราะในโลกการลงทุน ถ้าไม่โลภมากสามารถถือลงทุนรับปันผลได้
โดยทางเทคนิคดัชนีต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA75 Month ถ้าจะขาขึ้นต้องยืนเหนือ 1,440 จุด โดยแนวรับที่ 1,080 จุด คือเส้นศักดิ์สิทธิ์ 400 Month ที่ถือว่าแข็งแกร่งเนื่องด้วยก่อนหน้านี้เคยลงไปทดสอบแนวรับดังกล่าวแต่สามารถดีดกลับขึ้นมาได้ แม้จะไม่ผ่านเส้นค่าเฉลี่ย EMA200 Month แถว 1,300 จุดก็ตาม “สมมุติหลุด 1,080 จุดจริง โอกาสจะลงไปแถว 970 จุดก็อาจเป็นไปได้”
ทั้งนี้ ในความสำเร็จของตัวเองมาจากการลงทุนสไตล์ “เทคนิคอล” ที่เน้นการจับจังหวะซื้อขาย โดยชี้ว่าประสบการณ์ของเขายาวนานพอที่จะพิสูจน์ว่า “ชนะมากกว่าเสียแน่นอน” ปัจจุบันยังคงใช้กลยุทธ์เดิมที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาตลอด พร้อมเน้นย้ำว่า “Fundamental ที่แท้จริง” คือสิ่งสำคัญที่สุดในการเอาชนะตลาด ควบคู่ไปกับการใช้เทคนิคอลเพื่อจับจังหวะเข้าออกอย่างมีวินัยในการลงทุน
“เสี่ยป๋อง” บอกต่อว่า ตลาดหุ้นไทยในปัจจุบัน “แย่ที่สุดในโลก” แล้ว โดยติดลบถึง -18% สวนทางกับตลาดอื่น ๆ ทั่วโลกที่ส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น อย่าง ตลาดหุ้นสหรัฐ “เหมือนเขียนในรัฐธรรมนูญหรือเปล่าว่าห้ามหุ้นตก” เพราะดัชนีสหรัฐปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องจาก 3,000 จุด เป็น 40,000 จุด ในขณะที่ดัชนีหุ้นไทยไม่ได้ไปไหน โดยเชื่อว่าตลาดหุ้นไทยนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น ซึ่งหุ้นไทยหลักๆ มาจาก 3 ส่วนคือ เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง และหากทั้งสามอย่างมีทิศทางดี ตลาดหุ้นก็จะดีขึ้นเอง
ท้ายสุดในตลาดขาลงเป็นสิ่งยากต่อการทำกำไร "เสี่ยป๋อง" บอกว่า เสน่ห์ของหุ้นขาลงคือ “มันจะมีเด้งหลอกให้เราตามตลอดทาง” และมักจะได้กำไรจากการซื้อตอนหุ้นเด้ง แต่เตือนว่า “ต้อง Remind ตัวเองว่าได้แค่เด้ง” สำหรับกลยุทธ์การเลือกหุ้นจะเลือกหุ้นที่มี “สภาพคล่องสูง” เป็นอันดับแรก และส่วนใหญ่จะเลือกจากหุ้นที่มี “ผลประกอบการดี”
สำหรับ ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเทรดด้วย “โรบอท” และ AI ได้กลายเป็นความท้าทายใหม่ที่นักลงทุนรายใหญ่ต้องเผชิญ โดยยอมรับว่า “ไม่ได้กลัวโรบอท” พวกเขาเข้าใจว่าโรบอทไม่ได้ผิด เพราะเป็นความฉลาดและเก่งของผู้พัฒนาโปรแกรมเทรด
“อรรถวัติ ศิริสิทธิธงไชย” หรือ “บอย ท่าพระจันทร์” ให้มุมมองว่า ได้ปรับเปลี่ยนสไตล์การลงทุนในช่วงหลัง จากเดิมยอมรับเคยเทรดแบบเร็วๆ แต่ตอนนี้ “เลือกที่จะถือยาวมากขึ้น” โดยเฉพาะในตลาดขาลง หรือ “sideways down” บอยจะเลือกสะสมหุ้นที่ชอบและค่อยๆ ถือไป และยังคง “ไม่ขายหุ้น” แม้ตลาดจะปรับฐานลงมามาก เพราะเป้าหมายของเขายิ่งใหญ่กว่าการทำกำไรระยะสั้น ซึ่งมองว่าในตลาดขาขึ้นนั้น “ยังไงก็ชนะ” แต่ในสถานการณ์ตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย การถือยาวและไม่เทรดซิ่งๆ เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยรักษาพอร์ตได้
อย่างไรก็ตาม “ตลาดหุ้นไทยตอนนี้ถูกมาก” โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับดัชนี SET ที่ระดับ 1,000 จุด และยอมรับว่า “สภาพคล่องในตลาดหายไป” อย่างมาก ทำให้การซื้อขายหุ้นปริมาณมากๆ ทำได้ยาก ซึ่งนักลงทุน “รายใหญ่ติดหุ้นกันหมด” เพราะ Bid-Offer Volume ลดลงมากจาก 10 ล้านเหลือเพียง 2-3 ล้าน ทำให้ยากที่จะขายหุ้นจำนวนมาก โดยมองว่าการขายหุ้นในตอนนี้เป็นเรื่องน่าเสียดาย และหาก SET ลงต่ำกว่า 1,130-1,140 จุด ก็ยังจะ “ซื้อเพิ่มอีก”
“ก่อนหน้านี้ ผมมองว่าแนวรับแถว 1,080 จุด เป็นดัชนีน่าสนใจ แต่ตอนนี้ผมกลับมองว่าหากเกิดกรณีที่เลวร้ายอาจเห็นลงมาทดสอบแถว 970 จุด”
ทั้งนี้ หลังจากเจอช่วงลำบากในช่วงโควิด-19 ที่ดัชนีหุ้นไทยลงแรงและทำให้พอร์ตลงทุนเสียหายหนัก ดังนั้น ตนเองจึง “ปรับกลยุทธ์เลิกใช้มาร์จิน” และลงทุนด้วยเงินสดอย่างเดียว กลุยุทธ์ปัจจุบันยังคง “ค่อย ๆ สะสมหุ้นที่เขาชอบเพิ่ม” แม้จะมีอยู่มากแล้วก็ตาม และยืนยันว่า “จะไม่คัดหุ้นตอนนี้” เพราะไม่ใช่จุดที่จะคัด โดยแนะนำว่าถ้ายังเทรดอยู่ “อาจจะเล่นได้ในบางตัวที่เขียวสวนตลาด” โดยเฉพาะสายเทคนิคอลที่เล่นไม้ไม่ใหญ่ ดังนั้น แนะนำนักลงทุนเน้นรักษาเนื้อรักษาตัว หากชอบหุ้นตัวไหนอาจจะแบ่งเงินลงทุนบางส่วนเพราะอาจจะแพ้ได้ยาก
ขณะที่ การมาของโรบอทมองว่า “กำลังซื้อของคนไทยสู้โรบอทไม่ได้” เพราะตลาดหุ้นไทยนักลงทุนถอยกันหมด ยอมรับโรบอทเก่งมาก เหมือนรู้ว่าเมื่อนักลงทุนรายใหญ่ซื้อหุ้นจำนวนมาก พวกเขาก็จะ “เติมขาย” (add supply) ลงมา ทำให้ราคาหุ้นไม่สามารถขึ้นได้ ดังนั้น นิยามว่าตลาดหุ้นในตอนนี้ “ค่อนข้างน่าเบื่อ สภาพคล่องน้อยมาก” และรายใหญ่ส่วนใหญ่ก็แค่นั่งคุยกันเมื่อตลาดไม่ดี
ทิ้งท้ายว่าการหาจุดต่ำสุดในการลงทุนนั้น “เป็นเรื่องของดวงล้วนๆ” และเชื่อว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหาจุดต่ำสุดที่แท้จริง สิ่งที่สำคัญคือ “คุณพอใจตรงไหนและคิดว่ารับความเสี่ยงได้ จุดนั้นก็เป็นจุดที่น่าซื้อ”







