บจ.ลงทุน ‘กัมพูชา’ กระทบสั้น โบรกเกอร์มองยังไม่เห็นสัญญาณ ‘เอกชน’ ปรับแผนธุรกิจ 

บจ.ลงทุน ‘กัมพูชา’ กระทบสั้น โบรกเกอร์มองยังไม่เห็นสัญญาณ ‘เอกชน’ ปรับแผนธุรกิจ 

บจ.ลงทุน ‘กัมพูชา’ กระทบสั้น โบรกเกอร์มองยังไม่เห็นสัญญาณ ‘เอกชน’ ปรับแผนธุรกิจ  คาดระยะยาวไม่น่าจะไปกระทบกับแผน “การขยายสาขา” หรือ “การขยายโรงงาน”

“บล.ยูโอบี เคย์เฮียน” ชี้ความขัดแย้ง “ไทย-กัมพูชา” เป็นเพียงปัจจัยลบเชิงจิตวิทยา มอง “บจ.ไทย” ลงทุนในกัมพูชา ยังไม่ได้รับผลกระทบที่แท้จริงต่อการดำเนินธุรกิจ “บล.กรุงศรี” แนะนักลงทุนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด

บจ.ลงทุน ‘กัมพูชา’ กระทบสั้น โบรกเกอร์มองยังไม่เห็นสัญญาณ ‘เอกชน’ ปรับแผนธุรกิจ 

ท่ามกลางกระแสความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นระหว่าง “ไทย และกัมพูชา” บริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่มีการเข้าไปลงทุนในประเทศกัมพูชาอาจได้รับผลกระทบ “เชิงจิตวิทยา” โดยนักวิเคราะห์มองว่า เป็นผลกระทบแค่สั้นๆ เท่านั้น ทั้งนี้แผนการขาย บริการ และการขยายสาขา ในกัมพูชายังเดินหน้าได้ตามแผน ถือเป็นสัญญาณบวกระยะยาวที่ยังมั่นคง

นายกิจพณ ไพรไพศาลกิจ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ความขัดแย้งไทยกับกัมพูชา เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางด้านการค้า หรือการทําธุรกิจในระยะยาว เพียงแต่เมื่อไหร่มีการจุดกระแสเรื่องความรักชาติขึ้นมา อาจจะมีผลกระทบระยะสั้นเกี่ยวกับเรื่องการแบนสินค้าไทย

ทั้งนี้ ในส่วนผลกระทบของ บจ.ไทย ที่เข้าไปลงทุนในกัมพูชาเป็นผลกระทบในเชิงจิตวิทยา ดังนั้น ยอดขายสินค้า และบริการอาจจะได้รับผลกระทบระยะสั้นบ้าง แต่ว่าในภาพใหญ่ๆ ยังไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของปัจจัยพื้นฐาน

สำหรับ CBG หรือ บริษัท คาราบาว กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีแผนที่จะเข้าไปตั้งโรงงานในกัมพูชา เป็นกลยุทธ์เห็นการดําเนินการลักษณะแบบนี้มีเกิดขึ้นกับประเทศในแถวนี้อยู่พอสมควร นอกจากไทยเองจะเห็นว่ากลุ่มพวกเครื่องดื่มให้พลังงานมีกลยุทธ์ในการไปตั้งโรงงานที่เมียนมา อย่าง OSP รวมถึง CBG เพราะทำให้การผลิตได้ถูกกว่าขนสินค้าเข้าไป ทำให้มีความแตกต่างในการได้เปรียบเสียเปรียบในเรื่องของตัวราคาขายพอสมควร

ขณะเดียวกัน สินค้า และบริการของไทยต้องถือว่าพรีเมียมได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคในภูมิภาคค่อนข้างจะดี ฉะนั้น คิดว่าประเด็นดังกล่าวอาจจะกระทบระยะสั้นมากในเชิงยอดขาย แต่ว่าไม่น่าจะไปกระทบกับแผนการขยายสาขา หรือการขยายโรงงาน

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กรณีไทยกับกัมพูชาถือเป็นจิตวิทยาลบต่อหุ้นที่มีธุรกิจที่กัมพูชา แต่ธุรกิจต่างๆ ก็ยังคงดำเนินได้อยู่ ยังไม่ได้มีการได้รับผลกระทบที่แท้จริง แต่ว่าในแง่ของจิตวิทยายังคงต้องตามดูความสัมพันธ์ระหว่างประเทศว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าเอฟเฟกต์โดยรวมยังคงประเมินได้ยาก เนื่องจากภาพรวมของผลกระทบจริงยังไม่เกิด ดังนั้น ตลาดจึงรับในเชิงทางจิตวิทยาลบไปก่อน จนกว่าจะเห็นว่ามีความเสี่ยงต่อข้อพิพาทมากขนาดไหน รวมถึงนโยบายของตัวทางการรัฐบาลกัมพูชามีอะไรที่ปรับในเรื่องตัวนโยบายที่จะส่งผลกระทบต่อการทําธุรกิจที่นั่นหรือไม่ ดังนั้น นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด 

บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความเสี่ยงข้อพิพาทระหว่างไทย-กัมพูชา กระทบ บจ. รายอุตสาหกรรม ได้แก่ กลุ่มเครื่องดื่มคาด CBG ได้รับผลกระทบด้านลบ กลุ่มโรงพยาบาล คาดไม่กระทบ กลุ่มโรงไฟฟ้า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่ฝ่ายวิจัยศึกษา ไม่ได้มีการเข้าลงทุนในประเทศกัมพูชา มีเพียง BGRIM ที่มีโรงไฟฟ้า SOLAR กลุ่มพลังงาน มี OR 

กลุ่มค้าปลีก คาดผลกระทบน้อย มี CPALL, CPAXT และ BJC ที่มีการไปเปิดสาขาในกัมพูชา กลุ่มมีเดีย MAJOR มีโรงหนัง 6 แห่ง กลุ่มวัสดุก่อสร้าง บริษัทในกลุ่มวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่จะมีการขายสินค้าวัสดุก่อสร้าง ซึ่งกัมพูชาถือเป็นหนึ่งในประเทศสำคัญที่มีการค้าชายแดนกับไทย โดย SCCC และ SCC และกลุ่มเกษตรอาหาร CPF มีการลงทุนในกัมพูชา

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์