คนไข้ตะวันออกกลางลด ความเสี่ยงใหม่ ‘กลุ่ม รพ.’

คนไข้ตะวันออกกลางลด ความเสี่ยงใหม่ ‘กลุ่ม รพ.’

นักวิเคราะห์เผย คนไข้ตะวันออกกลางหดหาย หลังได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอน น้ำมันดิบที่ผันผวนอ่อนตัวลง ทำให้ประชากรรัดเข็มขัดมากขึ้น กระทบรายได้หุ้นกลุ่มโรงพยาบาล โดยเฉพาะ BH ได้รับแรงกดดัน 2 ทางค่ารักษาที่ปรับขึ้น และการหายไปของลูกค้ากลุ่มกาตาร์ที่ถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่

ความไม่แน่นอนในภูมิภาคตะวันออกกลางเริ่มส่งผลกระทบต่อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะจากลูกค้าระดับไฮเอนด์จาก กาตาร์ และคูเวต ที่เริ่มหายหน้าหลังราคาน้ำมันดิบดิ่ง ทำให้ต้องรัดเข็มขัดมากยิ่งขึ้น โดยนักวิเคราะห์ชี้ยังต้องจับตาต่อเนื่องสำหรับกลุ่มดังกล่าว ขณะที่ BH ได้รับแรงกดดัน 2 ทาง ทั้งจากค่ารักษาที่ปรับขึ้น และการหายไปของลูกค้ากลุ่มกาตาร์ที่ถือว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่

น้ำมันร่วง-สงครามการค้า สะเทือนคนไข้ต่างชาติ

นายกรรณ์ หทัยศรัทธา นักกลยุทธ์การลงทุนบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้สัมภาษณ์กับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน และกาตาร์หายไปค่อนข้างมาก ซึ่งนักท่องเที่ยวกาตาร์ถือเป็นสัดส่วนเบอร์หนึ่งของรายได้ของกลุ่มโรงพยาบาล

โดยเฉพาะบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ที่คาดว่ารายได้ไตรมาส 2 ปี 2568 จะหายไป -3% ถึง -5% ซึ่งเป็นข้อมูลจากการประชุมนักวิเคราะห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่คนไข้ในประเทศหายไป ส่วนต่างประเทศคนไข้กาตาร์เข้ารับการรักษากับ BH เป็นเป็นอันดับหนึ่งหดหายไปเช่นกัน

ทั้งนี้ สาเหตุหลักที่กลุ่มคนไข้กาตาร์หายไปมาจาก 2 ปัจจัย คือ ภาพรวมตะวันออกกลางยังเผชิญเหมือนกัน คือ ราคาน้ำมันดิบอ่อนตัวลงไปกว่า 60 เหรียญต่อบาร์เรล ทำให้มีการรัดเข็มขัดในการใช้จ่ายลงไปด้วย ส่วนปัจจัยที่ 2 มาจาก BH มีการปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขึ้นมาแล้ว 15% ทําให้เกิดการที่ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มหาโรงพยาบาลอื่นในประเทศของตัวเองมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุให้ BH ราคาร่วงลงมา และทำนิวโลว์ในรอบปี ส่วน บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH ยังคงมีปัญหากับคูเวตที่คนไข้หายไป

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีโควิด หรือไข้ใหญ่เข้ามา แต่เป็นแค่ภาพรวมระยะสั้นๆ เท่านั้น ที่ไม่ได้ช่วยในเรื่องของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติที่หายไป โดยเฉพาะกลุ่มตะวันออกกลางที่หายไปถือว่าเป็น “ความเสี่ยงใหม่” ที่เกิดขึ้น

“กลุ่มโรงพยาบาลในปีนี้ถือว่า ไม่ใช่ปีของกลุ่มนี้ แต่ถ้าต้องเลือกหุ้นในกลุ่มนี้ขอเลือกเป็น บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS เนื่องจากมีเครือข่ายค่อนข้างมาก มีการกระจายได้ดี ส่วน BH เป็นโรงพยาบาลเดี่ยว เมื่อโดนกระทบก็จะโดนเต็มๆ ส่วน BHG กับ BCH มีน้ำหนักรายได้จากรัฐ สปสช.ซึ่งยังมีประเด็นเกิดขึ้นเรื่อย ๆ”

คนไข้ต่างชาติรัดเข็มขัดค่ารักษา 

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยต่างชาติเข้ามาระยะในโรงพยาบาลในไทยต้องยอมรับว่า มีการหดตัวลง หลังจากที่คูเวตมีการเข้มงวดมากขึ้นในการส่งคนไข้ของประเทศมายังไทย เนื่องจากทางคูเวตมีการรัดเข็มขัด และต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้การมารักษาตัวที่ไทยไม่ได้มาง่ายเหมือนก่อน อีกทั้งขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงเอเจนซีที่จะนำตัวส่งคนไข้มาที่เมืองไทย และมีการเปลี่ยนแปลงสัญญา จึงทำให้คนไข้ต่างชาติที่มาไทยลดลง

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ดังกล่าว ที่กลุ่มลูกค้าต่างชาติลดน้อยลง ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องติดตามอยู่ เพราะว่ายังขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน รวมถึงกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวมจากความไม่แน่นอนที่ค่อนสูงขึ้น ดังนั้นทางคูเวตอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น ในการที่จะส่งตัวคนไข้ไปรักษาระยะต่างประเทศ ซึ่งคูเวตได้มีการทบทวนนโยบายนี้ แต่สุดท้ายยังไม่ทราบได้ว่าผลหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร

“ก่อนหน้านี้มีการสนับสนุนให้เข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลไทย มีการส่งตัวเข้ามารักษา แต่พอระยะหลังๆ คูเวตมีการปรับนโยบายภายในประเทศ บวกกับราคาน้ำมัน รวมถึงเศรษฐกิจเหล่านี้จึงทําให้มีการเปลี่ยนแปลงนโยบายตรงนี้”

สำหรับผลกระทบกลุ่มโรงพยาบาลที่ค่อนข้างมีคนไข้ต่างชาติเข้ามารักษาค่อนข้างมาก และคาดว่าจะได้รับผลกระทบ อย่างเช่น หุ้น BH ดังนั้น จึงแนะนำกลุ่มนี้เป็น ขณะที่หุ้นที่ได้รับผลกระทบน้อยเนื่องจากมีการกระจายฐานของคนไข้ที่มีทั้งในประเทศ และต่างประเทศได้ดี อย่าง หุ้น PR9 หรือ บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) เนื่องจากว่า ปัจจุบันเริ่มเห็นมีคนไข้ต่างชาติใหม่ๆ เข้ามามากขึ้น ทำให้สัดส่วนที่ผ่านมาดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และ PR9 เริ่มมีแผนที่จะบุกตลาดต่างชาติมากขึ้นด้วย ทำให้สามารถเติบโตได้ในอนาคต 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์