ดัชนีดาวโจนส์บวก 200 จุด S&P 500 ขึ้นต่อ หุ้น Nvidia หนุนกลุ่มเทคฯ

ดัชนีดาวโจนส์บวก 200 จุด S&P 500 ขึ้นต่อ หุ้น Nvidia หนุนกลุ่มเทคฯ

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดสูงขึ้น 200 จุด ดัชนี S&P 500 ขึ้นต่อในวันอังคาร ได้แรงหนุนจากหุ้นผู้นำด้าน AI อย่าง Nvidia ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก นักลงทุนจับตาข้อตกลงการค้า

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร(3 มิ.ย.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า ดัชนี S&P 500 ปรับตัวสูงขึ้นในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากหุ้นผู้นำด้าน AI อย่าง Nvidia ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์รายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าที่อาจเกิดขึ้นกับสหรัฐฯ

ดัชนี S&P 500 ซื่งสะท้อนตลาดโดยรวมเพิ่มขึ้น 0.58% ปิดที่ 5,970.37 จุด ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้น 214.16 จุด หรือ 0.51% ปิดที่ 42,519.64 จุด ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.81% และปิดที่ 19,398.96 จุด

ราคาหุ้น Nvidia และหุ้นชิปตัวอื่นๆผลักดันการเพิ่มขึ้นของตลาดวอลล์สตรีท โดยผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์รายใหญ่รายนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเกือบ 3% ต่อเนื่องจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นในวันจันทร์ และมูลค่าตลาดของ Nvidia แซงหน้า Microsoft เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมกราคม

ในขณะเดียวกัน หุ้นอื่นๆ เช่น Broadcom และ Micron Technology พุ่งขึ้นมากกว่า 3% และมากกว่า 4% ตามลำดับ

“ตลาดมองผ่านเกมไพ่ที่มีเงินเดิมพันสูงนี้ไปแล้ว และเชื่อว่าทรัมป์และ [ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง] ที่จะคุยกันในสัปดาห์นี้จะเป็นปัจจัยบวกต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีน” แดน ไอฟส์ นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities กล่าว พร้อมเสริมว่า Nvidia เป็นผู้ได้รับประโยชน์หลักจากการเจรจาข้อตกลงระหว่างสองประเทศ

ตลาดยังรอความชัดเจนหลายเรื่อง

ขณะที่ แซม สโตวอลล์ จาก CFRA Research ยังคงเตือนว่าตลาดอาจอยู่ในช่วงการซื้อขายระหว่าง 5,700 จุดถึงระดับสูงสุดในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์สักระยะหนึ่ง

“เราจะไม่ได้รับข้อมูล GDP ไตรมาสที่สองจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม เราจะไม่เริ่มได้รับข้อมูลผลประกอบการไตรมาสที่สองจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม และเราจะไม่ได้ยินเกี่ยวกับภาษีศุลกากรเพิ่มเติมจนกว่าจะถึงเดือนกรกฎาคม” นักยุทธศาสตร์การลงทุนหลักกล่าวกับซีเอ็นบีซี “ในระหว่างนี้ ตลาดจะขึ้น ๆ ลง ๆในกรอบ  จนกว่าเราจะเริ่มเข้าใจชัดเจนขึ้น หากเราเข้าใจถึงแนวโน้มของรายได้ การเติบโตของ GDP และอื่นๆ”

OECD หั่นคาดการณ์จีดีพีสหรัฐ

การเคลื่อนไหวในวันอังคารนี้เกิดขึ้นหลังจากที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสหรัฐฯ ปัจจุบัน OECD คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวเพียง 1.6% ในปี 2025 จาก 2.2%ที่เคยคาดไว้ก่อนหน้านี้

ภาษีศุลกากรและความไม่แน่นอนของนโยบายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ OECD อ้างถึงเพื่ออธิบายการปรับลดจีดีพีดังกล่าว

ปักกิ่งกล่าวเมื่อไม่นานนี้ว่าสหรัฐฯ ละเมิดข้อตกลงสงบศึกการค้า โดยโต้แย้งข้อกล่าวหาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เองที่ว่าจีนไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงการค้าชั่วคราว สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ว่าทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะพูดคุยกันในเร็วๆ นี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการค้า

ในขณะเดียวกัน สหภาพยุโรปวิพากษ์วิจารณ์เจตนาของทรัมป์ที่จะเพิ่มอัตราภาษีเหล็กเป็นสองเท่าเป็น 50% โดยกล่าวว่าการกระทำดังกล่าว “ทำลาย” การเจรจากับสหรัฐฯ โฆษกสหภาพยุโรปกล่าวว่าสหภาพยุโรป “พร้อมที่จะใช้มาตรการตอบโต้”