‘กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ’ รับแรงหนุน ‘ยูเครน-รัสเซีย’ ยืดเยื้อดันราคาน้ำมัน

‘กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ’ รับแรงหนุน ‘ยูเครน-รัสเซีย’ ยืดเยื้อดันราคาน้ำมัน

กูรู ระบุ กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ’ รับแรงหนุนความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ‘ยูเครน-รัสเซีย’ ยืดเยื้อดันราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูง ด้านบล.กสิกรไทย เผย หุ้นท็อปพิก PTT IVL ขณะที่บล.กรุงศรี เผยหุ้นที่น่าสนใจ TOP BCP PTTEP IVL และ SCC ด้าน บลจ. เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ ระบุ เก็งกำไรได้ เช่น PTTEP

สถานการณ์โลกที่ยังตึงเครียดจากสงครามระหว่าง “รัสเซีย-ยูเครน” รวมถึงความไม่แน่นอนในตะวันออกกลาง ส่งผลให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูง หนุน “กลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีไทย” ปรับตัวขึ้น ขณะที่ปัจจัยการเมืองภายในประเทศยังเป็นตัวแปรที่นักลงทุนจับตามองอย่างใกล้ชิด ทั้งด้านนโยบายเศรษฐกิจและความชัดเจนของรัฐบาล
 

‘กลุ่มพลังงาน-ปิโตรฯ’ รับแรงหนุน ‘ยูเครน-รัสเซีย’ ยืดเยื้อดันราคาน้ำมัน

“จักรพงศ์ เชวงศรี” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า จากภูมิรัฐศาสตร์ หรือ Geopolitics ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้นได้ในระยะสั้น ซึ่งภาพของราคาน้ำมันได้สะท้อนปัญหาดังกล่าวไปส่วนหนึ่งแล้ว ฉะนั้น คงต้องรอดูจะมี Supply Disruption หรือมีการ Sanction เพิ่มเติมหรือไม่ เพราะว่าการยิงกันมันเกิดขึ้นทันที ก็อาจจะทำให้มีผลกระทบเพิ่มขึ้นมาบ้าง
 

อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาน้ำมันเกิดความผันผวนในช่วงนี้ สิ่งที่ต้องระมัดระวังเจากภาวะสงคราม คือคนที่เป็นผู้ใช้น้ำมันไม่ว่าจะเป็นโรงงานกลิ่น ปิโตรเคมี แต่ทว่าราคาหุ้นก็ปรับตัวลงมาในระดับหนึ่ง ขณะที่ข่าวรัสเซีย ยูเครนก็เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นผลกระทบที่ไม่เห็นเป็นรูปธรรมมากจริงๆ มองว่า โอกาสที่หุ้นจะปรับแรง ๆ อาจจะมีค่อนข้างน้อย

สำหรับ กลุ่มพลังงาน และปิโตรเคมี ยังคงค่อนข้างมีมุมมองลบทั้งคู่ โดยมองว่าภาวะเรื่องของสงครามภาษีกันระหว่างสหรัฐกับประเทศคู่ค้า ซึ่งสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และอาจกระทบอุปสงค์ของสินค้าหรือน้ำมันได้ เพราะฉะนั้นยังต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังอยู่

ส่วนหุ้น top pick ของเราสำหรับกลุ่มพลังงาน คือ หุ้น PTT ส่วนปิโตรเคมี หุ้น IVL แต่ว่าอย่างไรก็ตาม ในแต่ละรอบก็จะมีหุ้นที่สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตได้ แต่ความเสี่ยงก็อาจจะสูงขึ้นมา

“กรภัทร วรเชษฐ์” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาน้ำมัน เพราะภาพความไม่สงบในแหล่งผลิตน้ำมันทําให้ตลาดกังวลซัพพลาย ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเบรนดท์ยืนแถวบริเวณ 63-64 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ขณะที่ จุดนึงที่น่าสนใจ คือเรื่องค่าการกลั่นที่เร่งตัวขึ้นมา จากเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ หรือ Reciprocal Tariffs เข้มข้นในช่วงวันที่ 2 เม.ย.2568 ที่ผ่านมา เริ่มทำให้คลายลงมา ทําให้ตลาดเล่นกับภาพการเร่งการผลิตเร่ง ขณะที่ต้นทุนน้ำมันมันไม่สูงมาก ถือว่าเป็นภาพบวก ดังนั้น หุ้นในกลุ่มนี้มีโอกาสจะฟื้นตัวในระยะสั้นขึ้นมา

สำหรับหุ้นที่น่าสนใจอิงกับโรงกลั่น หุ้น TOP และ BCP ส่วนหุ้นน้ำมัน PTTEP และกลุ่มปิโตรเครมีที่ตลาดเข้ามาเก็งกำไรกัน เนื่องจากว่าด้วยราคาน้ำมันที่ไม่ได้สูงมาก ขณะที่สเปรดปิโตรเคมีฟื้นตัวดี หุ้นที่ได้ประโยชน์ก็จะเป็น IVL และ SCC

“ประกิต สิริวัฒนเกตุ” กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เมอร์ชั่นพาร์ทเนอร์ จำกัด กล่าวว่า กรณีราคาน้ำมันเริ่มมีความสับสน เนื่องจากว่าในบางครั้งมีข่าวทรัมป์ทวิตว่า จะมีการเจรจากัน หรืออาจจะมีข่าวยิงปะทะกันเดี๋ยว บวกกับกรณีโอเปกพลัสเพิ่มกําลังผลิต หรือเรื่องข้อตกลงนิวเคลียร์อีหร่าน เป็นต้น ทำให้เกิดการสับสนมาก

อย่างไรก็ตาม ในกระแสข่าวดังกล่าวที่ถาโถมเข้ามา แต่ดีมานด์ความต้องการใช้น้ำมันโลกยังไม่ได้ลงต่ำมาก ระดับน้ำมันคาดจะอยู่ที่แถวบริเวณนี้ เนื่องจากมีดาวน์ไซด์จำกัด และมีลุ้นว่าจะปรับขึ้นมากกว่า

โดยกลุ่มพลังงานบ้านเราในขณะนี้ที่มี “การเก็งกำไร” ได้ เช่น PTTEP เช่นเดียวกันกับ “กลุ่มปิโตรเคมี” เนื่องจาก “จีนกับสหรัฐ” ในช่วงนี้พักรบกันชั่วคราวเรื่องสงครามการค้าทำให้คําสั่งซื้อการส่งสินค้าจากจีนไปสหรัฐยังสูงอยู่ ก่อนที่จะมีการเรียกเก็บภาษีกันจริง ซึ่งยังต้องลุ้นว่าจะเป็นที่เท่าไหร่ที่จะเกิดขึ้น ดังนั้น เสปรดปิโตรเคมีก็จะเขยิบขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน

ทั้งนี้ หากย้อนไปก่อนหน้านี้ จากความไม่แน่นอนด้านการค้าเศรษฐกิจโลกซบเซา กลุ่มโรงกลั่นก็จะมีการปิดโรงกลั่นกัน หรือปิดซ่อมบํารุงกันเยอะ เช่นเดียวกับพวกโรงปิโตรเคมีอื่นๆ ดังนั้นในช่วงนี้สเปดปิโตรเคมีรวมไปถึงพวกค่าการกลั่นก็สูงขึ้น ทำให้เกิดความสนใจ อย่างเช่น หุ้น SCC GC TOP BCP ลงทุนได้ในช่วงนี้ แต่เป็นแค่ระยะสั้น ๆ เท่านั้น