ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 700 จุด หลังทรัมป์เลื่อนเก็บภาษีอียู

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 700 จุด หลังทรัมป์เลื่อนเก็บภาษีอียู

ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 700 จุด ยุติการร่วงลง 4 วันติดต่อกัน หลังประธานาธิบดีทรัมป์เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าอียู 50% ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนพ.ค. ดีขึ้นเกินคาด

ซีเอ็นบีซี รายงานภาวะตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันอังคาร(27 พ.ค.68) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาประเทศไทยว่า หุ้นปรับตัวขึ้นในวันอังคาร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวเมื่อช่วงสุดสัปดาห์วันหยุดว่าเขาตกลงที่จะเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหภาพยุโรป ในอัตรา 50% ออกไป

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ Dow Jones Industrial Average พุ่งขึ้น 740.58 จุด หรือ 1.78% ปิดที่ 42,343.65 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้น 2.05% ปิดที่ 5,921.54 จุด ดัชนีทั้งสองดัชนีหยุดการร่วงลง 4 วันติดต่อกัน ดัชนีแนสแด็ก Nasdaq Composite พุ่งขึ้นแรง 2.47% ปิดที่ 19,199.16 จุด

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี เช่น Tesla ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากช่วยขับดันตลาด

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทรัมป์ กล่าวว่า เขาจะเลื่อนเส้นตายการจัดเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 50% จากสหภาพยุโรปออกไปเป็นวันที่ 9 กรกฎาคม ตามคำร้องขอของอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ได้เสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าจากสหภาพยุโรป 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน เป็นต้นไป

เควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กล่าวในรายการ “Squawk Box” ของซีเอ็นบีซี ว่าเขาคาดว่าจะ “เห็นข้อตกลงเพิ่มเติมอีกสองสามข้อตกลงในสัปดาห์นี้” 

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐ ที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารนั้นออกมาแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้สำหรับเดือนพฤษภาคม จากความหวังในข้อตกลงการค้า

ราคาหุ้น Tesla พุ่งขึ้นประมาณ 7% หลังจากที่อีลอน มัสก์ ซีอีโอ กล่าวว่า เขากำลังเปลี่ยนความสนใจจากการเมือง และกลับมาที่บริษัทของเขาอีกครั้ง

ราคาหุ้นของบริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอื่นๆ ก็พุ่งสูงขึ้นเช่นกัน รวมถึง Nvidia , AMD, Apple และ Microsoft

นอกเหนือจากหุ้นเทคโนโลยีแล้ว ราคาหุ้น U.S. Steel พุ่งขึ้นประมาณ 2% หลังจากแหล่งข่าวที่ทราบข่าวบอกกับซีเอ็นบีซี ว่าคาดว่า Nippon Steel ของญี่ปุ่นจะปิดดีลการเข้าซื้อกิจการในราคาหุ้นละ 55 ดอลลาร์

หุ้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในวันเริ่มต้นสัปดาห์การซื้อขาย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันจันทร์เนื่องในวันรำลึกถึงผู้เสียชีวิตจากสงคราม หุ้น S&P 500 มากกว่า 9 ใน 10 ตัวปรับตัวสูงขึ้น

หุ้นขนาดเล็กก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยดัชนี Russell 2000 ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 2.5%

การปรับตัวขึ้นในวันอังคาร นี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทปรับตัวลดลง โดยดัชนี Dow, S&P 500 และ Nasdaq Composite ต่างก็ปรับตัวลดลงมากกว่า 2% เนื่องจากคำขู่ของทรัมป์ในเบื้องต้นที่จะเก็บภาษีจากสหภาพยุโรปในอัตราที่สูง ทำให้นักลงทุนเกิดความกังวล

แดนน์ ไรอัน หุ้นส่วนผู้จัดการของ Sincerus Advisory กล่าวว่า "ดูเหมือนว่าวันหยุดยาวจะช่วยสร้างแรงผลักดันสำหรับการพุ่งขึ้นในวันนี้ ความตึงเครียดด้านการค้าที่ปะทุขึ้นนั้นได้ยุติลงอีกครั้ง และตอนนี้ส่วนหนึ่งของความผันผวนคือ ทางด่วนเปิด"

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนจะติดตามผลประกอบการของ Okta ซึ่งจะประกาศหลังปิดตลาดในวันอังคาร ตามด้วยบริษัทต่างๆ เช่น Nvidia, Macy’s และ Costco

ในช่วงปลายสัปดาห์ บริษัทดัชนี S&P 500 กว่า  95% รายงานผลประกอบการในช่วงนี้ และเกือบ 78% ทำกำไรได้ดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ตามข้อมูลของ FactSet

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคฟื้นตัวดีเกินคาด

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้นมากในเดือนพฤษภาคม จากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน ตามผลสำรวจที่เผยแพร่ในวันอังคาร

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสำนักวิจัย Conference Board พุ่งสูงถึงระดับ 98 เพิ่มขึ้น 12.3 จุดจากเดือนเมษายน และดีกว่าที่ บริษัทดาวโจนส์ คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 86 มาก

เจ้าหน้าที่ของสำนักวิจัยกล่าวว่า ความรู้สึกเชิงบวกส่วนใหญ่มาจากการพัฒนาของความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หยุดการขึ้นภาษีศุลกากรในอัตราสูงลิ่วเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม

“การฟื้นตัวของความเชื่อมั่นนั้นมองเห็นได้ชัดเจนก่อนข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนในวันที่ 12 พฤษภาคม แต่ได้รับแรงหนุนในเวลาต่อมา” สเตฟานี กุยชาร์ด นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสด้านตัวชี้วัดของ Conference Board กล่าว

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์