หุ้น TOP บวก 2.63% ค่าการกลั่นฟื้นตัว โครงการ CFP ชัดเจนผู้รับเหมาใหม่

หุ้น TOP บวก 2.63% เพิ่ม 0.75 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 29.25 บาท นักวิเคราะห์ระบุ ค่าการกลั่นฟื้นตัว ขณะที่โครงการ CFP ะมีความชัดเจนในการว่าจ้างผู้รับเหมาใหม่ในช่วงไตรมาส 3/68 แนะนำเทรดดิ้ง ราคาเหมาะสม 29 บาท
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 27 พ.ค.2568 เวลา 10.20 น.หุ้น TOP บวก 2.63% เพิ่ม 0.75 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 29.25 บาท
ปรินทร์ นิกรกิตติโกศล นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ผู้บริหาร TOP ให้มุมมองค่าการกลั่นไตรมาส 2/68 ปรับตัวดีขึ้น QoQ โดยแม้ว่า Crack Spread ดีเซลชะลอตัวแต่ส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินและอากาศยานจะมีทิศทางดีขึ้นหนุนจาก US Driving Season, กิจกรรมท่องเที่ยว, ปริมาณสต็อกน้ำมันเบนซินอยู่ระดับต่ำมองข้ามไปช่วงครึ่งปีหลัง คาดค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากปัจจุบันหนุนจากการปิดตัวของโรงกลั่นในสหรัฐฯและยุโรปหลายแห่ง
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันดิบปีนี้ถูกกดดันจากการเร่ง Unwind นโยบายลดปริมาณผลิตของOPEC+ และผลกระทบจากนโยบายการค้าโลกคาด Oversupply จะทำให้ปริมาณสินค้าคงคลังเพิ่มขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 2/68 และแตะ 1 ล้านบาร์เรล/วันในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ล่าสุดการผ่อนปรนนโยบายภาษีสหรัฐฯvs จีนอาจทำให้อุปสงค์ขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก +1ล้านบาร์เรล/วันเป็น +1.2ล้านบาร์เรล/วัน
ขณะที่ แม้ผลิตภัณฑ์ BZ ยังถูกกดดันจากการเพิ่มขึ้นของกำลังผลิตใหม่มากกว่าอุปสงค์ ทั้งนี้ภาพรวมตลาดอะโรมาติกส์จะฟื้นตัวจาก PX เพราะอุปสงค์ขยายตัวมากกว่ากำลังผลิตใหม่และอุปทานตึงตัวขึ้นจากการ Switch ไปผลิตน้ำมันเบนซินที่ Margin ดี
ส่วนความคืบหน้าโครงการ CFP ยังเป็นไปตามแผน (COD เต็มรูปแบบไตรมาส 3/71) โดยช่วงไตรมาส 3/68 จะมีความชัดเจนในการว่าจ้างผู้รับเหมาใหม่
นอกจากนี้ CAP บริษัทร่วมที่ TOP ถือหุ้น15% เสร็จสิ้นการเข้าซื้อ Petrochemicals Complex ในสิงคโปร์จาก Shell ช่วงต้นไตรมาส 2/68 ช่วยเพิ่มผลตอบแทนจากปัจจุบันราคาเข้าซื้อไม่แพง (เราคาดTOP จะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรพิเศษจากธุรกรรมดังกล่าวในไตรมาส 2/68) นอกจากนี้ CAP ยังอยู่ระหว่างขยายการลงทุนในผลิตภัณฑ์ HDPE EDC เพิ่มเติม
โดยภาพรวมโทนประชุมค่อนไปทางบวกผู้บริหารให้มุมมองค่าการกลั่นดีกว่าที่เราประเมินก่อนหน้า แนวโน้มงบไตรมาส 2/68 ไม่เด่น ประเมินว่าปัจจัยบวกจากการฟื้นตัวของ Crack Spread น้ำมันเบนซิน อากาศยาน, การใช้งานท่อ SPM เต็มไตรมาส, Spread LAB เร่งตัว, ส่วนแบ่งกำไรพิเศษของCAP จะถูกชดเชยด้วยความเสี่ยงขาดทุนสต็อกน้ำมัน โดยราคาน้ำมันดิบดูไบปัจจุบันอยู่ที่ US$63/bbl (vs ปลายไตรมาส 1Q25 ที่ US$72/bbl)ถูกกดดันจากการเร่ง Unwind นโยบายลดปริมาณผลิตของ OPEC+ ช่วงต้นไตรมาส
ทั้งนี้ ขาดทุนสต็อกจะมาก/น้อยขึ้นอยู่กับทิศทางราคาน้ำมันช่วงที่เหลือของไตรมาสโดยมีปัจจัยต้องติดตาม
1) ความคืบหน้าเจรจานโยบายการค้าจีน vs สหรัฐฯ และ
2) การบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ของอิหร่าน vs สหรัฐฯ
คงคำแนะนำ TRADING ราคาเหมาะสม 29.00 บาท มองว่าสามารถเก็งกำไรรอบสั้นจาก สงครามการค้า คลายตัวหลังสหรัฐฯ vs จีนผ่อนปรนอัตราภาษี 90 วัน และมุมมองตลาดน้ำมันสำเร็จรูปที่สดใสมากขึ้นจะช่วยหนุน Sentiment การลงทุนหุ้นโรงกลั่น ทั้งนี้ เราเน้นการเก็งกำไรรอบสั้น







