หุ้น SAPPE ร่วง 4.62% หลังยอดขายวูบ สต็อกระบายสินค้าช้ากว่าคาด

หุ้น SAPPE ร่วง 4.62% ลดลง 1.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 31.00 บาท นักวิเคราะห์เผย หลังยอดขายวูบ จากปัญหาสินค้าคงค้างในสต็อกของคู่ค้าในต่างประเทศระบายบไม่ทัน ส่งผลให้คำสั่งซื้อน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญ
ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 26 พ.ค.2568 เวลา 11.00 น. หุ้น SAPPE หรือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) ร่วง 4.62% ลดลง 1.50 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 31.00 บาท
อดิสรณ์ มุ่งพาลชล นักวิเคราะห์การลงทุน บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า SAPPE ไตรมาส 1/68 มียอดขายที่ 1,142 ล้านบาท -17.0% q-q, -37.8% y-y ลดลงจากยอดขายของทุกภูมิภาคยกเว้น Domestic โดยยอดขายในเอเชีย -37.6% จากเกาหลีและอินโดนีเซียเนื่องจากปัญหาการบริโภคของ ผู้บริโภคที่ชะลอตัวและ Distributor ตามลำดับ, ส่วนยุโรป -63.8% จากอังกฤษและฝรั่งเศสจากปัญหาสต็อกสินค้าที่อยู่ในระดับสูง, อเมริกา -36.7%, ตะวันออกกลางและอื่นๆ -63.8%
อย่างไรก็ตาม ยอดขายในประเทศเพิ่ม 26.5% จากการขยายช่องทางการขายใน Traditional Trade รายงาน GPM ที่ 46.0% -70 bps q-q, flat y-y ส่งผลให้ก าไรสุทธิที่ 64 ล้านบาท +18.2% q-q, -36.5% y-y บริษัทปรับเป้ายอดขายปี 68 จาก +5% เป็น -10% ถึง -20% สะท้อนภาพที่แย่กว่าคาด ทางฝ่ายคาดยอดขายปี 68 อยู่ที่ 5,250 ล้านบาท -22.5% จากเดิมที่ +5.7% GPM ที่ 46.0% -40 bps กำไรสุทธิ 978 ล้านบาท -21.9%
ขณะที่ บริษัทมียอดขายที่ All-Time-High ในไตรมาส 2/67 ที่ 1,996 ล้านบาท +8.7% q-q, +20.5% y-y และทั้งปี 67 ที่ 6,775 ล้านบาท +11.9% อย่างไรก็ตามไตรมาส 4/67 เริ่มมีสัญญาณของการระบายสินค้าในสต็อกของ Distributor ในตปท.ไม่ทัน ส่งผลให้ยอดสั่งซื้อสินค้ากับ SAPPE ลดลงในไตรมาส 4/67 และไตรมาส 1/68 การที่บริษัทเร่งขายสินค้าโดยไม่คำนึงว่า สินค้าส่งไปถึงมือผู้บริโภคมากน้อยเพียงใดเป็นการละเลยต่อความต้องการที่แท้จริงของสินค้าหรือเรียกว่า Channel Stuffing โดยบริษัทระบุว่าจะแก้ไขโดยซื้อข้อมูล offtrade เพื่อติดตามอุปสงค์จริงของสินค้าและสื่อสารกับคู่ค้ามากขึ้นเพื่อลดปัญหาดังกล่าว
ทั้งนี้ ประเมินราคาพื้นฐานด้วยวิธี Discounted Cash Flow จาก FCFE มี Beta ที่ 0.79 สำหรับปี 2568-2570 และใช้ Adjusted Beta ที่ 0.86 ในปี 2571 เป็นต้นไป กำหนด Required Rate of Return on Equity (re) ที่ 6.8% สำหรับปี 2568-2570 และ 7.1% สำหรับปี 2571 เป็นต้นไป Sustainable growth rate ที่ 2.2% ทางฝ่ายมองว่าการที่ผู้บริหารปรับลดเป้ายอดขายจาก +5% เป็น -10% ถึง -20% สะท้อนถึง Demand สินค้าที่ต่ำกว่าคาดการณ์ของบริษัท ปัญหาสต็อกคงค้างใน Distributors อยู่นานกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ ทางฝ่ายคาดปันผลปี 68 จะเหลือเพียง 1.28 บาท/หุ้น จาก 2.25 บาทต่อหุ้นคิดเป็น dividend yield 3.9%
ทางฝ่ายวิเคราะห์ มองว่าสต็อกคงค้างสูงนี้อาจสะท้อน Demand ที่อ่อนแอของสินค้าบริษัท หากหมดช่วง Destocking แล้ว เชื่อว่ายอดขายในปี 69 อาจไม่สามารถกลับไปสู่จุดเดิมในปี 67 ได้ ควรรอดู improvement ของยอดขายใน 2H68 ก่อนตัดสินใจลงทุน ให้ผู้บริหารได้พิสูจน์ตัวเองกับปัญหา Stockpiling ปรับลดราคาพื้นฐานเพื่อสะท้อนภาพที่ไม่สดใสของบริษัทจากราคา 82.25 บาทต่อหุ้นเหลือ 38.50 บาทต่อหุ้น ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ”







