หุ้น OSP บวกพุ่ง 7.89% ผลงานทุบสถิติสร้างกำไรสูงสุด Valuation ไม่แพง ปันผลสูง 6.6%

หุ้น OSP บวกพุ่ง 7.89% ผลงานทุบสถิติสร้างกำไรสูงสุด Valuation ไม่แพง ปันผลสูง 6.6%

หุ้น OSP บวก 7.89% เพิ่ม 1.20 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 16.40 บาท  นักวิเคราะห์ เผย ผลงานทุบสถิติสร้างกำไรสูงสุด จากโครงสร้างรายได้กลุ่มเครื่องดื่ม และของใช้ส่วนบุคคล บวกกับขยายตลาดมากขึ้น อีกทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมาชดเชยการหดตัวของยอดขายได้ ขณะที่ Valuation ไม่แพง ปันผลสูง 6.6%

ความเคลื่อนไหว"ตลาดหุ้นไทย"ภาคเช้า ณ วันที่ 23 พ.ค.2568 เวลา 10.15 น. หุ้น OSP หรือ บมจ.โอสถสภา บวก 7.89% เพิ่ม 1.20 บาท ระดับราคาอยู่ที่ 16.40 บาท 

นารี อภิเศวตกานต์ นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐาน บล.ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยว่า ไตรมาส 1/68 กำไรทำสถิติสูงสุดได้ แต่คาดว่าแนวโน้มยอดขายไตรมาส 2/68 จะลดลง y-y จากการอ่อนตัวของยอดขายในประเทศ ส่วนยอดขายต่างประเทศ และของใช้ส่วนบุคคล ยังโต y-y ได้ ขณะที่ q-q คาดยอดขายในประเทศ และส่วนบุคคลยังโต q-q แต่คาดยอดขายต่างประเทศจะลดลง q-q หลังผ่านช่วงสูงสุดใน 1Q แล้ว 

หุ้น OSP บวกพุ่ง 7.89% ผลงานทุบสถิติสร้างกำไรสูงสุด Valuation ไม่แพง ปันผลสูง 6.6%

ทั้งนี้ อัตรากำไรขั้นต้น คาดว่าการควบคุมต้นทุนได้มีประสิทธิภาพ ราคาวัตถุดิบลดลง และสัดส่วนการขายกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นยังเป็นตัวผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นทรงตัว q-q ที่ระดับ 40% ได้ 

ส่วน ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร ยังควบคุมได้ดีทำให้จะโตตามยอดขายเพิ่มขึ้น แต่คาดอัตราภาษีจ่ายจะเพิ่มตามยอดขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นทำให้คาดว่า กำไรสุทธิอาจไม่ย่อลง q-q 

ส่วนแบ่งตลาดในเดือน เม.ย. เพิ่มขึ้น +0.6% m-m เป็น 45% แม้ส่วนแบ่งตลาดเดือน มี.ค.จะลดลงเหลือ 44.4% จาก 44.8% m-m แต่ส่วนแบ่งตลาดเดือน เม.ย. กลับมาเพิ่มขึ้น +0.6% m-m ขณะที่ ส่วนแบ่งตลาด YTD’25 อยู่ที่ 44.7% ขณะที่มูลค่าตลาดรวมโต +3.2% y-y อยู่ที่ 22,800 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้บริหารมีปรับเป้ายอดขายลงจากเดิมคาดโต 5.0 % y-y เป็นเหลือโต 2.0-5.0% y-y สรุปได้ดังนี้

ในประเทศ : คาดยอดขายจะโต 0-3% y-y ส่วนหนึ่งจากการปรับลดสต็อกลง และได้รับผลจากกำลังซื้อที่หดตัว โดยเครื่องดื่มจะเน้นในสินค้าหลัก, ทำให้แบรนด์รู้จักมากขึ้น และออกสินค้าใหม่เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่เพิ่ม ส่วนกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลจะออกสินค้าใหม่ และทำการตลาดร่วมกับ “หมีเนย” ซึ่งทยอยเปิดตัวแล้ว 

ต่างประเทศ : คาดยอดขายโต 10.0 % y-y เน้นขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเช่นเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว ซึ่งในเวียดนามได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศเหล่านี้มียอดขายเพียง 10.0 % ของตลาดต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งจะเข้าไปทั้งกลุ่มเครื่องดื่มและของใช้ส่วนบุคคล  

ของใช้ส่วนบุคคล : คาดยอดขายโต 10.0 % y-y เน้นขยายตลาดใหม่ ๆ เพิ่มเช่นเวียดนาม อินโดนีเซีย กัมพูชา และลาว ซึ่งในเวียดนามได้ ซึ่งปัจจุบันประเทศเหล่านี้มียอดขายเพียง 10.0% ของตลาดต่างประเทศเท่านั้น อีกทั้งในปีนี้จะมีสินค้ากลุ่มนี้เข้าจีนด้วยทั้งใช่องทาง MT และออนไลน์   

อย่างไรก็ดี เราขอคงประมาณการทุกอย่างไว้ดังเดิมก่อน แต่มีแนวโน้มปรับยอดขายลงจากเดิมจากกำลังซื้อที่ดูอ่อนแอลง แต่คาดจะมีปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นตามการบริหารต้นทุนดีขึ้น เบื้องต้นคาดยอดขายในปี 2025 เป็น 28,433 ล้านบาท +5.0 % y-y ภายใต้ยอดขายเครื่องดื่มในประเทศโต +5.0 % y-y ส่วนต่างประเทศคาดโต +14.0 % y-y และกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลคาดจะโต +23.0 % y-y 

คาดอัตรากำไรจะทรงตัว y-y ได้จากต้นทุนวัตถุดิบคาดจะลดลงและมีการล็อกราคาวัตถุดิบถึงสิ้นปีแล้ว เช่นเดียวกับการล็อกการซื้อก๊าซมีเซ็นสัญญาถึงปี 2027-2028 แล้วเช่นกัน และคาดค่าใช้จ่ายขายและบริหารต่อยอดขายจะมีสัดส่วน 24.4% และกำไรสุทธิ 3,179 ลบ. +94.0% y-y กำไรปกติคาดจะโตราว +5% y-y

“เราคาดว่าการดำเนินงานยังดีได้จากโครงสร้างรายได้ที่มีทั้งกลุ่มเครื่องดื่ม และยังมีกลุ่มของใช้ส่วนบุคคลทำให้กระจายความเสี่ยงของยอดขาย ประกอบกับการขยายตลาดมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มดังกล่าว อีกทั้งการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมาชดเชยการหดตัวของยอดขายได้  ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/E25E ที่ 14.5 เท่า ไม่แพงหากเทียบกับกลุ่ม และผลตอบแทนเงินปันผล 6.6% ต่อปี ขณะที่แนวโน้มกำไรกลับมาเติบโตอีกครั้ง”