OKJ ยอดขายสาขาเดิมวูบ ‘แผ่นดินไหว - ศก.ซบ’ ฉุดกำลังซื้อเม.ย.- พ.ค.
OKJ รับยอดขายต่อสาขาเดิม เม.ย.- พ.ค.อ่อนตัว เหตุแผ่นดินไหว - เศรษฐกิจซบ แต่สาขาใหม่ - แบรนด์ใหม่ ไร้กระทบ คงเป้าทั้งปีนี้ ยอดขายโต 30% ทุ่ม 400 ล้าน ลุย “สาขา - แบรนด์ใหม่”
นายชลากร เอกชัยพัฒนกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เปิดเผยว่า การเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same Store Sales Growt : SSSG) ช่วงเดือนเม.ย. - พ.ค. SSSG คาดว่า น่าจะ “ติดลบ” ระดับ 2 หลัก เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ในระดับสูง
เนื่องจากปลายเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่ประเทศเมียนมา ซึ่งกระทบมาถึงประเทศไทย ส่งผลให้ลูกค้าที่ทำงานในกรุงเทพมหานคร เปลี่ยนระบบทำงานที่บ้าน (WFH) หรือเปลี่ยนที่อยู่อาศัยออกจากคอนโดมิเนียม ทำให้การเข้าใช้บริการซบเซาลง
อีกทั้งปกติช่วงเดือนเม.ย. ของทุกปี จะมีวันหยุดทั้งสงกรานต์-วันจักรี ซึ่งจะมียอดซื้อเป็นอย่างมาก แต่ปีนี้ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาจากแผ่นดินไหว รวมถึงภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้กำลังซื้อลดลง
อย่างไรก็ตาม ระดับ SSSG ติดลบนั้น ไม่ใช่รายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เพราะสาขาเดิมที่นำมาคำนวณ มีแบรนด์เดียวคือ โอ้กะจู๋(Ohkajhu) เพียง 29 สาขาเท่านั้น ที่เปิดในปี 2566 ครบ 1 ปี จากสาขา Ohkajhu ทั้งหมดรวม 41 สาขา จะเห็นได้ว่า SSSG ดังกล่าวไม่รวมกับสาขาที่เปิดใหม่ และแบรนด์ใหม่ๆ ที่สร้างรายได้เพิ่มขึ้น อย่าง Oh! Juice, Ohkajhu Wrap and Roll, Joe Wings ที่ภาพรวมในไตรมาส 2 ปี 2568 ยอดขายยังคงเติบโตต่อเนื่อง
“แม้ว่าในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 ตัวเลข SSSG อ่อนตัวลงแต่เราคำนวณจากสาขาที่เปิดครบไปแล้ว 1 ปี ซึ่งสาขาเดิมไม่มีสาขาไหนเลยที่ขาดทุน ด้านต้นทุนสาขาที่ลงทุนไปบริษัทเราสามารถคืนทุนได้แล้ว ซึ่งเรายังเติบโตในส่วนยอดขาย กำไร และมาร์จินต่างๆ มั่นใจว่ายังรักษาการเติบโตยังตั้งเป้ายอดขายปีนี้เหมือนเดิม”
นายชลากร กล่าวต่อว่า สำหรับในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 20-30% จากปี 2567 ด้าน SSSG รวมคาดเติบโต 2-5% และวางงบลงทุนไว้ที่ 350-400 ล้านบาท สำหรับวางแผนขยายสาขาแบรนด์ต่างๆ ทั้ง Ohkajhu 6 สาขา ปีนี้แตะ 47 สาขา , Oh!Juice 15 สาขา ปีนี้แตะ 30 สาขา และปีนี้มีแบรนด์ใหม่ Joe Wing ตั้งเป้าเปิดถึงสิ้นปีนี้รวม 6 สาขา ส่วนแบรนด์ Ohkajhu Wrap and Roll ยังมี 1 สาขาเท่าเดิม
ขณะที่ กลยุทธ์ของบริษัทยังคงคอนเซปต์ “Healthy Tasty Variety” รักษาการเติบโตยอดขาย และกำไร ด้วย
1. สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง เน้นเป็นตัวเลือกสุขภาพ พัฒนาสินค้าที่มีคุณภาพคุ้มค่ากับราคา
2.การขยายสาขา ให้เข้าถึงลูกค้าสะดวกมากขึ้น ทั้งออนไลน์ และออฟไลน์ ดิลิเวอรี แม้ว่าในไตรมาส 2 นี้ จะชะลอตัวลงบ้าง แต่มั่นใจว่า การเปิดสาขาระวังมากขึ้น เลือกพื้นที่ตอบโจทย์
3. การขยายความร่วมมือกับพันธมิตร เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าใหม่เปิดใจเข้ามาเพิ่มขึ้น
4. เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ควบคุมต้นทุน มุ่งสร้างกำไร
นอกจากนี้ ระบบสมาชิก คาดว่า จะกลับมาใช้งานได้อีกครั้งในช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 ด้านโรงงานเบเกอร์รี่จะเริ่มเปิดใช้โรงงานกลางได้ช่วงไตรมาส 3 ปี 2568 เช่นกัน
“เรายังเชื่อว่าปีนี้จะสามารถรักษาการเติบโตยอดขายสาขาเดิม ควบคุมต้นทุน รักษาระดับการทำกำไร ยอดขายสาขาใหม่ และแบรนด์ใหม่ยังเติบโตดีในไตรมาส 1 ที่ผ่านมานี้ทำได้ แม้ว่าไตรมาส 2 นี้ ยอดขายสาขาเดิมอ่อนตัวลง จากปัจจัยลบดังกล่าว เราได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา และมีการบริหารความเสี่ยงทุกสัปดาห์ทุกเดือน ปรับกลยุทธ์ให้ทันสถานการณ์มากขึ้น”
ขณะที่ ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 มีกำไรสุทธิ 63.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.7% และ มีรายได้จากการขาย 708.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมาจากการขยายสาขา และการเปิดตัวแบรนด์ใหม่ ประกอบกับการควบคุมต้นทุนขายดีขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์