‘จีน’ ชะลอท่องเที่ยวไทย ฉุด ‘กลุ่มท่องเที่ยว’ ซบเซา

นักวิเคราะห์ เผยหุ้นท่องเที่ยวรับแรงกระแทก นักท่องเที่ยวจีนหดหายไป หลังกังวลความปลอดภัย ค่าใช้จ่ายค่าห้องพักไทยสูง เศรษฐกิจจีนมีความไม่แน่นอนจากสงครามการค้า
ปฏิเสธไม่ได้หนึ่งใน “เครื่องยนต์สำคัญ” ที่เป็นแหล่งสร้างรายได้หลักของประเทศไทย ยกให้ “การท่องเที่ยว” ซึ่งถูกคาดหวังจะเป็นตัวขับเคลื่อน “เศรษฐกิจไทย” แต่ล่าสุดดูเหมือนเครื่องยนต์กำลังอ่อนแรงหลังสารพัดปัจจัยกระทบ สะท้อนจากตัวเลข “นักท่องเที่ยว” เติบโตไม่เป็นตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะจำนวน “นักท่องเที่ยวจีน” ที่ต่ำกว่าคาด เนื่องจากความปลอดภัย ทั้งเรื่อง “แผ่นดินไหว” และ “ดาราดังหายตัว” ส่งผลให้จีนหันไปเที่ยวยังประเทศญี่ปุ่น เวียดนาม และกัมพูชา แทน
“วิจิตร อารยะพิศิษฐ” นักกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ลิเบอเรเตอร์ เปิดเผยกับ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่า สัญญาณท่องเที่ยวในช่วงไตรมาส 1 ปี 2568 มีความชัดเจนจำนวนนักท่องเที่ยว “หดหาย” โดยเฉพาะฝั่งนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในอดีตต้องยอมรับว่าจีนคือ กลุ่มที่เข้ามาเที่ยวไทยเบอร์ 1 แต่ช่วงที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวจีนหนีไปเที่ยวญี่ปุ่น และเวียดนามแทน
สะท้อนผ่านช่วง 4 เดือนแรก นักท่องเที่ยวจีนลดลงกว่า 30% ถือว่าค่อนข้างมาก โดยนักท่องเที่ยวจีนหายไป มีด้วยกัน “2 กลุ่ม” กลุ่มแรกมาเป็นแบบกรุ๊ปทัวร์ และนักท่องเที่ยวจีนที่หาข้อมูลเดินทางมาเอง ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนที่หายไปคือ กลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเองยังมีอยู่เป็นปกติ และเป็นกลุ่มที่มีการจับจ่ายใช้สอย
ขณะเดียวกันได้กลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปเข้ามาทดแทน แต่นักท่องเที่ยวจีนถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของภาครัฐ ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนหดตัวลงก็อาจจะทำให้ยังมี “ดาวน์ไซด์” จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ถดถอยลง
โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ตั้งเป้าประมาณ 37.4 ล้านราย แต่อาจจะไม่ได้ตามเป้า หรืออาจจะใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่อยู่ประมาณ 35.5 ล้านราย ซึ่งต้องรอตัวเลขเป็นทางการอีกครั้ง ปัจจุบันพบมี “นักท่องเที่ยวฝั่งยุโรป” เข้ามาทดแทนเป็นกลุ่มจับจ่ายค่อนข้างสูง ซึ่งทำให้มีรายได้เติบโต และนักท่องเที่ยวดูมีคุณภาพมากขึ้น รัฐยังมีโครงการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตไทยจีน 50 ปี ซึ่งจะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องของจีนเข้ามาเป็นทูต ส่งผลให้ครึ่งหลังของปีนี้เป็นต้นไปสัญญาณการท่องเที่ยวของจีนน่าจะค่อยๆ กลับมาดีขึ้น
“อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ ให้ข้อมูลต่อไปว่า ภาพรวมของกลุ่มท่องเที่ยวยังดูไม่ค่อยดีนัก สาเหตุหลักที่นักท่องเที่ยวจีนหดหายไป หลักๆ มาจาก เรื่องของความปลอดภัย รวมถึงค่าใช้จ่าย ค่าห้องพักของไทยค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับประเทศอื่น และเศรษฐกิจจีนที่ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสงครามการค้า ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนเกิดการชะลอตัว จึงเป็นปัจจัยที่ทําให้การฟื้นตัวของท่องเที่ยวไทยค่อนข้างช้ากว่าที่คาดไว้
อย่างไรก็ตาม ได้มีการปรับลดจํานวนนักท่องเที่ยวลงจากเดิมที่ทําไว้ 38.5 ล้านราย ขณะนี้ปรับลงมาเหลือ 36.5 ล้านราย ก็ถือว่า ยังมีดาวน์ไซด์ที่อาจจะปรับลงกว่านี้ได้ อาจจะต้องติดตามสถานการณ์ในช่วงไตรมาส 2-3 ปี 2568 ต่อเนื่อง เพราะก็ยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้านสงครามการค้า แม้หน่วยงานภาครัฐจะมีมาตรการกระตุ้นด้านการท่องเที่ยว แต่ยังคาดหวังไม่ได้มาก เนื่องจากช่วงนี้ไทยอยู่ในช่วง low season บวกกับพรรคร่วมรัฐบาลยังทํางานไม่ค่อยเข้าขากันทําให้เห็นการผลักดันการทํางานต่างๆ ล่าช้า
“กรรณ์ หทัยศรัทธา” นักกลยุทธ์การลงทุน บล. ซีจีเอส-อินเตอร์เนชันแนล (ประเทศไทย) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตัวเลขนักท่องเที่ยวในปีนี้คาดจะอยู่ที่ 34.5 ล้านคน ซึ่งต่ำกว่าปี 2567 ที่ 3% อยู่ที่ 35 ล้าน เนื่องจากมีเรื่องแผ่นดินไหว และความปลอดภัย ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อไทยกับนักท่องเที่ยวจีนในการเลือกมาเที่ยวในไทย
ฉะนั้น เริ่มจะเห็นการปรับประมาณการของหน่วยงานรัฐ และฝ่ายวิจัยอื่นๆ รวมถึงอุตสาหกรรมโบรกเกอร์ ที่จะมีการปรับลดประมาณการกลุ่มท่องเที่ยวลงมา ซึ่งคาดว่าในปีนี้จำนวนนักท่องเที่ยว 35 ล้านคนอาจจะไม่ถึง
ขณะที่ ปีหน้าคาดจำนวนนักท่องเที่ยวน่าจะอยู่ที่ประมาณ 36.3 ล้านคน ก็ยังไม่ถึงช่วงระดับก่อนโควิดที่ระดับ 40 ล้านคน ส่งผลให้ภาพรวมของตัวเลขออกมาไม่ดี ขณะที่ในแง่ของหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวปรับตัวลงมาค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นหุ้น MINT , SHR , ERW และ CENTEL ตั้งแต่ต้นปีปรับตัวลงมาเกินกว่า 30% ดังนั้น น่าจะรับรู้ข่าวของการเปลี่ยนแปลงของนักท่องเที่ยวขาเข้าพอสมควร
โดยหุ้นแนะนำเป็นหุ้น SHR , ERW เนื่องจากราคาปรับลงมาค่อนข้างเยอะกว่า MINT และ CENTEL ขณะเดียวกันภาครัฐกำลังจะมีการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศเข้ามาช่วย ซึ่งหลังจากนี้ไทยเองอาจจะต้องเที่ยวในประเทศกันเองมากขึ้น
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์