ADVANC ตั้งรับสงครามการค้า หวั่นกระทบธุรกิจระยะข้างหน้า

“แอดวานซ์” มองช่วงที่เหลือปี 68 เตรียมรับมือ “สงครามการค้า” กดดันเศรษฐกิจชะตัว กระทบธุรกิจ พร้อมคงเป้า “รายได้-อิบิทดา” ปีนี้โต 3-5% หลังจากไตรมาส 1 ปี 68 โตเด่นกว่าคาด
นางสาวสมฤทัย ตัณฑกิตติ หัวหน้าแผนกงานนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า แนวโน้มช่วงไตรมาส 2 ปี 2568 และช่วงที่เหลือของปี บริษัทยังคงต้องติดตามหลายปัจจัย โดยเฉพาะปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่จะเข้ามากระทบต่อธุรกิจ และผลกระทบจากมาตรการกำแพงภาษีของสหรัฐ จากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐกับจีน เข้ามากระทบแล้วตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 2 ปี 2568
ส่งผลให้ศูนย์วิจัยทางเศรษฐกิจหลายแห่งมีการปรับประมาณการจีดีพีลงไม่ถึง 1% ซึ่งประมาณการเดิมของบริษัทที่ออกมาช่วงต้นปี อยู่บนพื้นฐาน ที่จีดีพีโต 3% ซึ่งตามหลักบริษัทก็ต้องปรับเป้าหมายลง แต่ปัจจุบันทางผู้บริหารยังคงเป้าหมายเดิมไว้ และ พยายามผลักดันให้เติบโต หรือ ใกล้เคียงจากที่คาดไว้
ดังนั้น ถึงแม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 ที่ออกมามีความพิเศษหลายอย่าง ทั้งจากการกระตุ้น ของภาครัฐ ส่งผลต่อความต้องการใช้มือถือเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการบริการลูกค้าองค์กร พบว่ามีความต้องการ Data Center และ โครงการ Cloud เพิ่มมากขึ้น ทำให้เติบโตได้มากกว่าที่คาด
แต่บริษัทยังต้องการรักษาโมเมนตัมในช่วงไตรมาส 2 ,ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ยังเติบโตต่อเนื่อง บนความระมัดระวังที่บริษัทยังต้องติดตาม โดเฉพาะความชัดเจนที่เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะถัดไป
บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้หลักปีนี้เติบโต 3-5% และอิบิทดา(EBITDA) เติบโต 3-5%แม้ว่าไตรมาส 2568 จะมีผลประกอบการที่ดี เนื่องจากมีหลายปัจจัยเข้าาช่วยสนับสนุน จนเกินกว่าเป้าที่ตั้งไว้
โดยผลประกอบการของบริษัท ในไตรมาส 1 ปี 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนมีรายได้รวม 56,311 ล้านบาท เติบโต 5.7% และ มีกำไรสุทธิ 10,584 ล้านบาท เติบโต 25.23% ขณะที่อัตรากำไร EBITDA อยู่ที่ 53.4% หรือ30,051 ล้านบาท เติบโต 7.4%สะท้อนถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการต้นทุน และการส่งมอบบริการดิจิทัลที่หลากหลายสอดคล้องกับรายได้การให้บริการหลักที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ร่วมกับการบริหารค่าใช้จ่ายอย่าง มีประสิทธิภาพ
นางสาวสมฤทัย กล่าวว่า ทางด้านงบลงทุนปีนี้บริษัทตั้งไว้อยู่ที่ 26,000-27,000 ล้านบาท เน้นไปที่การปรับปรุงคุณภาพเครือข่ายให้มีความทันสมัย และ ลงทุนธุรกิจอื่นๆ เช่น ดาต้าเซนเตอร์ , คลาวด์ (Cloud) และเวอร์ชวลแบงก์ (Virtual Bank)
โดยเงินลงทุนในดาต้าเซนเตอร์ และ Virtual Bank ประมาณ 3,000-5,000 ล้านบาท ซึ่งการเข้าทำรายการที่เกี่ยวโยงเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจดาต้าเซนเตอร์ของ GSA คาดจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 2 ปี 2568 ขณะที่Virtual Bank ทางกระทรวงการคลังกำลังพิจารณา คาดจะประกาศได้ในเดือนมิ.ย. นี้ ซึ่งยังเป็นความร่วมมือกันระหว่าง 3 พันธมิตร ธนาคารกรุงไทย (KTB) , AIS และบมจ.ปตท. และการค้าปลีก (OR) โดยคาดจะเปิดให้บริการ ได้ในปี 2569 ทางด้านธุรกิจเอ็นเตอร์ไพร์ส ตั้งงบลงทุนขยายธุรกิจและดูแลลูกค้า ไว้ราว 1,000-2,000 ล้านบาทต่อปี
พร้อมกันนี้ บริษัทมีฐานผู้ใช้ 5G เติบโตเป็น 12.7 ล้านเลขหมาย โครงข่าย 5G แข็งแกร่งครอบคลุม 95% ของประชากรไทยขณะที่ธุรกิจบริการองค์กรเติบโตโดดเด่น 12% เดินหน้าเป็น Cognitive Tech-Co เน้นโครงข่าย 5G และบริการ AI-Cloud เพื่อลูกค้าองค์กร
นอกจากนี้ ยังเพิ่มเติมกลยุทธ์การขายในปีนี้ แม้จะมุ่งเน้นขายผลิตภัณฑ์ แต่บริษัทยังมีความระมัดระวังการดำเนินงาน มุ่งเน้นคุณภาพและรักษาฐานลูกค้าที่ยังทำกำไร โดยจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ในร้านค้ามากขึ้น รีโนเวทร้านค้าเพิ่มลูกค้า ขยายเวลาปิดร้านค้ารองรับการขายได้นานขึ้น
“ทิศทางในปีนี้บริษัทยังคงมุ่งปรับตัวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของตลาดและเทคโนโลยี พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลของประเทศให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั้งโครงข่ายมือถือ 5G เน็ตบ้าน ระบบคลาวด์ และดาต้า เซ็นเตอร์การบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพจะยังคงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ AIS ให้ความสำคัญ ควบคู่ไปกับการมุ่งเน้นคุณภาพในทุกด้านของการให้บริการ เพื่อรักษาความสามารถในการทำกำไรและการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว”